คดีฮั้วเลือกสว.ใกล้จุดจบ? เขย่าระบบการเมืองลามถึงรัฐมนตรี

คดีฮั้วเลือกสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) กำลังเคลื่อนเข้าสู่ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ เมื่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ร่วมกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) เดินหน้าเต็มสูบเตรียมดำเนินคดีผู้เกี่ยวข้องล็อตแรก 53 ราย ท่ามกลางกระแสข่าวเชื่อมโยงไปถึงนักการเมืองระดับรัฐมนตรี และข้อร้องเรียนจากผู้สมัครสำรองที่สะท้อนภาพกระบวนการที่ไม่โปร่งใส

หลักฐานแน่น-เส้นเงินลากถึงรัฐมนตรี

แหล่งข่าวจากชุดสืบสวนเผยว่า รายชื่อ ส.ว. ที่เตรียมถูกดำเนินคดีจำนวน 53 ราย กระทำผิดตามกฎหมายว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว. พ.ศ. 2561 โดยพัวพันกับการใช้เงินหรือผลประโยชน์แลกเปลี่ยนเสียงสนับสนุน ตัวหลักฐานสำคัญที่ กกต. และ DSI ใช้ประกอบคือ ข้อมูลการโอนเงิน การติดต่อสื่อสาร และพยานบุคคลที่เชื่อถือได้

ที่น่าจับตาคือ การสืบสวนได้ขยายผลเชื่อมโยงไปถึง “รัฐมนตรี” และ “อดีตรัฐมนตรี” จากพรรคการเมืองใหญ่ โดยมีหลักฐานทางการเงินแสดงถึงการสนับสนุนผู้สมัคร ส.ว. กลุ่มหนึ่ง ซึ่งอาจกลายเป็นจุดเปลี่ยนทางการเมืองครั้งใหญ่

สว.สำรองร้องเรียนแฉล็อกสเปก 

นอกจากการไต่สวน ส.ว. ตัวจริง ผู้สมัครสำรองรายหนึ่งได้ออกมาเปิดเผยต่อ กกต. ถึงรูปแบบการคัดเลือกที่ผิดปกติ โดยอ้างว่ามีการวางแผนตั้งแต่ระดับจังหวัด ส่งรายชื่อไปยังส่วนกลาง ก่อนมีบุคคลที่มีอำนาจในจังหวัดอำนาจเจริญตัดสินขั้นสุดท้าย สะท้อนความเป็นไปได้ของการแทรกแซงจากกลุ่มอิทธิพล

ใช้AI ควบคุมฮั้วเลือกสว.ให้ออกตามโพย  

อีกประเด็นที่สร้างความแปลกใจคือ “ความแม่นยำ” ในการจัดสรร สว. กลุ่มต่าง ๆ โดยเริ่มต้นจาก 7 คนเท่ากันทุกกลุ่ม ซึ่งวิเคราะห์ว่าอาจมีการใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ามาช่วยจำลองหรือคัดกรองผู้ผ่านกระบวนการ เพื่อควบคุมผลให้ออกมาตรงตาม “โพยฮั้ว”

การดำเนินคดีฮั้วเลือกสว.ของกกต.คลุมเครือ  

แม้ กกต. จะระบุว่าการดำเนินการแบ่งออกเป็น 4 ขั้นตอน แต่คำให้สัมภาษณ์ของประธาน กกต. กลับไม่ชัดเจน สร้างความสับสนว่าขณะนี้อยู่ในขั้นตอนใด ซึ่งสะท้อนปัญหาเชิงระบบของการตรวจสอบภายในองค์กรที่ควรเป็นกลางสูงสุดในการคัดเลือกผู้ทรงคุณวุฒิของประเทศ

คดีฮั้วสว.เดิมพันใหญ่เชื่อมั่นต่อระบบการเมือง

คดี “ฮั้วเลือก ส.ว.” ไม่ใช่แค่คดีอาญา แต่นี่คือ “บททดสอบความศรัทธา” ของประชาชนต่อสถาบันทางการเมือง โดยเฉพาะส.ว. ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการถ่วงดุลอำนาจและตรวจสอบรัฐบาล หากกระบวนการได้มาซึ่งตำแหน่งนี้ถูกแทรกแซงจากผลประโยชน์และการเมืองเบื้องหลัง ความชอบธรรมของวุฒิสภาจะถูกตั้งคำถามอย่างรุนแรง

การดำเนินการของ กกต. และ DSI นับจากนี้จะเป็นตัวชี้วัดสำคัญว่า คดีนี้จะถูกลากยาวเหมือนกรณีอื่น หรือจะเป็น“คดีประวัติศาสตร์”ที่พลิกโฉมระบบการเมืองไทยให้เดินหน้าเข้าสู่ความโปร่งใส และตอบโจทย์สังคมที่ต้องการความเป็นธรรมอย่างแท้จริง

เครดิตที่มาเนื้อหาประกอบข่าว เนชั่นอินไซต์