posttoday

เปิดยุทธการดับไฟใต้รัฐบาลพร้อมเจรจา-ดาหน้าปราบปรามผู้ก่อเหตุ

06 พฤษภาคม 2568

“ภูมิธรรม”พร้อมเจรจาแก้ปัญหาชายแดนใต้แต่ไม่รับแนวทางแบ่งแยกรัฐ “ทวี”ลั่นต้องคุ้มครองทุกชีวิต ผบ.ทบ.กดดัน “กลุ่มหน้าขาว” ท่อน้ำเลี้ยงผู้ก่อเหตุ

สถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ปะทุถี่ขึ้นอีกครั้ง นำไปสู่ปฏิบัติการระดับนโยบายจากรัฐบาลที่ย้ำหนักแน่นว่า "พร้อมเจรจา" หากไม่ใช้ความรุนแรงกดดัน พร้อมเร่งเพิ่มกำลังคุ้มครองกลุ่มเปราะบาง ขณะที่หน่วยความมั่นคงเร่งขยายผลเครือข่ายที่เกี่ยวข้องจาก “กลุ่มหน้าเทา” ถึง “กลุ่มหน้าขาว”

“ภูมิธรรม” ขีดเส้นเจรจาใต้รัฐธรรมนูญ

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดเผยเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2568 ว่า รัฐบาลพร้อมเปิดเจรจาเพื่อคลี่คลายปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนใต้ หากอีกฝ่ายแสดงออกชัดว่า “หยุดใช้ความรุนแรง” และเคารพเงื่อนไขภายใต้รัฐธรรมนูญไทย โดยย้ำว่า “จะไม่เจรจาเรื่องการแบ่งแยกรัฐหรือจัดตั้งรัฐปาตานีเด็ดขาด”

ทั้งนี้ รัฐบาลไทยได้หารือกับมาเลเซียผ่านผู้อำนวยความสะดวกแล้ว โดยได้กำหนดจุดยืน 3 ข้อคือ

ทั้งนี้ รัฐบาลไทยได้หารือกับมาเลเซียผ่านผู้อำนวยความสะดวกแล้ว โดยได้กำหนดจุดยืน 3 ข้อคือ

หยุดใช้ความรุนแรง
ยอมรับในพหุวัฒนธรรมไทย
การเจรจาต้องไม่ละเมิดกรอบรัฐธรรมนูญไทย

นายภูมิธรรมยืนยันว่า รัฐไม่ได้อยู่นิ่ง พร้อมใช้ปฏิบัติการเชิงรุกโดยปรับกำลังทหาร-ตำรวจเข้าดูแลความปลอดภัยในพื้นที่ที่ตกเป็นเป้าหมาย โดยเฉพาะชาวไทยพุทธ พระภิกษุ สามเณร และกลุ่มมุสลิมที่ให้ความร่วมมือกับภาครัฐ

ปรับยุทธศาสตร์-เตรียมคน-ดันสันติ

พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม เตรียมลงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้วันที่ 7 พฤษภาคมนี้ เพื่อพบปะผู้นำศาสนาและกำชับเจ้าหน้าที่ให้รักษาความพร้อมสูงสุด โดยเฉพาะการดูแลประชาชนกลุ่มเปราะบาง

ขณะที่ พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผบ.ทบ. สั่งจัดกำลังทหารพรานเชิงรุกจาก 9 กรม 144 กองร้อย เข้าคุมเข้มพื้นที่ พร้อมเสริมหมวดทหารพรานหญิงและอาสาสมัครพลเรือนจากกระทรวงมหาดไทยตั้งด่านตรวจทั่วหมู่บ้าน

แนวทางเชิงรุกยังรวมถึงการประกบติดรายชื่อเป้าหมายจาก “กลุ่มหน้าดำ” (ผู้มีประวัติ) และ “กลุ่มหน้าเทา” (ผู้เคยเกี่ยวข้อง) รวมถึง “กลุ่มหน้าขาว” ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนการเงินและบ่มเพาะแนวคิดรุ่นใหม่
 

“ทวี” หนุนสันติ คุ้มครองชีวิตประชาชนเป็นหลัก

พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ยืนยันว่า รัฐบาลมุ่งมั่นสร้างสันติภาพอย่างยั่งยืน และการแก้ไขปัญหาต้องไม่หลุดจากกรอบรัฐธรรมนูญ พร้อมขอทุกฝ่ายอย่าใช้ศาสนาเป็นเครื่องมือทางความขัดแย้ง

โดยชี้ว่า เจ้าหน้าที่รัฐในพื้นที่มีมากกว่า 14,000 นาย แต่ต้องได้รับความร่วมมือจากผู้นำท้องถิ่นและศาสนา พร้อมยืนยันว่าการเจรจายังสามารถดำเนินได้หากตั้งอยู่บนหลักการ “คุ้มครองชีวิตประชาชนเป็นหลัก”

ปฏิบัติการไล่ล่า-สัญญาณสู่การเจรจา?

เหตุรุนแรงช่วงปลายรอมฎอน ได้แก่ การกราดยิงพระใน จ.สงขลา และประชาชนใน จ.นราธิวาส รวมถึงผู้พิการและเด็ก ถูกมองว่าเป็นความพยายามของกลุ่มก่อความไม่สงบในการส่งสัญญาณไม่พอใจต่อการเจรจาที่ไร้ข้อยุติ

หน่วยข่าวความมั่นคงประเมินว่า ความรุนแรงรอบนี้มาจากหลายปัจจัย ดังนี้

  • การเจรจาสันติภาพชะงัก ไม่มีการแต่งตั้งหัวหน้าฝ่ายไทยอย่างเป็นทางการ
  • ความขัดแย้งภายในบีอาร์เอ็นระหว่างรุ่นใหม่กับรุ่นเก่า
  • การลดด่านตรวจตามข้อเสนอ กมธ.ของรัฐสภา
  • ความเหนื่อยล้าของเจ้าหน้าที่ในพื้นที่
  • ความพยายามผลักดันเขตปกครองพิเศษ
  • คำพูดแกนนำรัฐบาลที่กระตุ้นแรงต้าน

ประชาชนคือผู้รับเคราะห์

ในสถานการณ์ที่ทุกฝ่ายกำลังปรับยุทธศาสตร์และแสวงหาอำนาจต่อรอง ความปลอดภัยของประชาชนกลายเป็นเดิมพันสูงสุด กลุ่มที่ตกเป็นเป้าหมาย ได้แก่ ชาวไทยพุทธ เจ้าหน้าที่รัฐ และมุสลิมที่ให้ความร่วมมือกับทางการ

การประกาศพร้อมเจรจาของรัฐบาลครั้งนี้ แม้จะเป็น“ช่องเปิด”แต่หากอีกฝ่ายไม่หยุดความรุนแรง ก็อาจไม่มีโต๊ะเจรจาใดเกิดขึ้น ขณะที่ปฏิบัติการเชิงรุกจากฝ่ายความมั่นคง จะยิ่งกดดันทุกฝ่ายให้ต้องเลือก “สันติหรือปะทะ”อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ต้องติดตามต่อว่า ความพยายามดับไฟใต้รอบนี้จะนำไปสู่แสงสันติ หรือเพียงแค่คลื่นลูกใหม่ของไฟใต้ที่ยังไร้คำตอบชัดเจน

ข่าวล่าสุด

ไทยพาณิชย์ชู 3 แกนพัฒนาคน รับรางวัล HR Leader for Social Impact 2025