"ไชยยันต์" ชี้ 27ปีศาลรธน.งานหนัก-ถูกคุกคามการ"สื่อสาร"ยังอ่อน
ไชยยันต์ ไชยพร ชี้ศาลรัฐธรรมนูญ ทศวรรษที่ 4 ภาระงานหนัก ความกดดันสูง การสื่อสารคำวินิจฉัยยังเป็นปัญหา ตั้งคำถามจุดยืนยามรัฐประหาร และทางเลือกหากไม่มีองค์กรนี้
ศาสตราจารย์ ดร.ไชยยันต์ ไชยพร อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ร่วมให้มุมมองในงานสัมมนาวิชาการเนื่องในโอกาสครบรอบ 27 ปี ศาลรัฐธรรมนูญ โดยเน้นถึงบทบาทและความคาดหวังต่อศาลรัฐธรรมนูญในบริบททางการเมืองและสังคมไทย
ศาสตราจารย์ ดร.ไชยยันต์ เริ่มต้นด้วยการตั้งคำถามถึงการให้คะแนนศาลรัฐธรรมนูญในวัย 27 ปี โดยส่วนตัวแล้วให้คะแนนในด้าน ความอุตสาหะและความอดทน ในการทำงานของศาลฯ ค่อนข้างสูงมาก เนื่องจากภาระงานที่หนักและความกดดันรอบด้านที่ตุลาการต้องเผชิญ อย่างไรก็ตาม ท่านให้คะแนน ด้านการสื่อสาร ไปสู่สาธารณชนค่อนข้างน้อย โดยมองว่าภาษากฎหมายที่ใช้ในการวินิจฉัยยังเป็นอุปสรรคต่อความเข้าใจของประชาชนทั่วไป
ในส่วนของบทบาทและความคาดหวังต่อศาลรัฐธรรมนูญในอนาคต ศาสตราจารย์ ดร.ไชยยันต์ ได้ตั้งประเด็นที่น่าสนใจดังนี้:
บทบาทในช่วงรัฐประหาร: ตั้งคำถามว่า หากเกิดรัฐประหารขึ้นอีกครั้ง สังคมคาดหวังให้ศาลรัฐธรรมนูญมีบทบาทอย่างไร ตุลาการควรจะดำรงอยู่ในตำแหน่งต่อไปเพื่อเป็นกลไกตรวจสอบ หรือควรถอนตัวออกมาเพื่อไม่สร้างความชอบธรรมให้กับการรัฐประหาร ซึ่งเป็นประเด็นที่ต้องพิจารณาถึงความชอบธรรมและอำนาจที่ศาลฯ จะสามารถดำเนินการได้ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่มีรัฐธรรมนูญ
ทางเลือกหากไม่มีศาลรัฐธรรมนูญ: เปรียบเทียบกับกรณีของประเทศอังกฤษที่ไม่มีศาลรัฐธรรมนูญ แต่ใช้รัฐสภาเป็นกลไกหลักในการตรวจสอบความขัดแย้งต่อรัฐธรรมนูญ อย่างไรก็ตาม ท่านตั้งข้อสังเกตถึงบริบทของรัฐสภาไทยในปัจจุบัน และความน่าเชื่อถือในการตรวจสอบอย่างเที่ยงธรรม
การยึดโยงกับประชาชน: ตั้งคำถามถึงวิธีการที่ศาลรัฐธรรมนูญจะสามารถยึดโยงกับประชาชนได้มากขึ้น ท่ามกลางกระแสวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ การสื่อสารที่ชัดเจนและเข้าใจง่ายถึงเหตุผลในการวินิจฉัยจึงเป็นสิ่งสำคัญ
ประเด็นทางประวัติศาสตร์การเมืองไทย: ศาสตราจารย์ ดร.ไชยยันต์ เสนอว่า ศาลรัฐธรรมนูญอาจพิจารณาศึกษาและวินิจฉัยประเด็นปัญหาทางการเมืองในอดีตที่ยังคงคาราคาซังและส่งผลกระทบต่อปัจจุบัน เพื่อสร้างความเข้าใจและหาทางออกให้กับสังคม
นอกจากนี้ ศาสตราจารย์ ดร.ไชยยันต์ ยังได้ยกตัวอย่างกรณีการยุบพรรคในต่างประเทศ เช่น ฝรั่งเศสและอังกฤษ เพื่อเปรียบเทียบกับบริบทของไทย และตั้งคำถามถึงความเหมาะสมของกลไกการยุบพรรคในปัจจุบัน
ความท้าทายและประเด็นสำคัญที่เกี่ยวข้องกับบทบาทและความคาดหวังต่อศาลรัฐธรรมนูญในอนาคตความจำเป็นในการพิจารณาถึงสถานะของศาลรัฐธรรมนูญในสถานการณ์ทางการเมืองที่เปลี่ยนแปลงไป การสร้างความเข้าใจกับประชาชน และการเรียนรู้จากบริบททางประวัติศาสตร์และต่างประเทศ


