"นฤมล" มั่นใจกรมชลฯ บริหารจัดการน้ำได้ตลอดฤดูแล้ง "ไม่ขาดแคลน"

จากข้อห่วงใยของรัฐบาล และความใส่ใจในสถานการณ์น้ำของ ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ต้องการให้ประชาชนมั่นใจได้ว่าจะมีน้ำเพียงพอต่อการอุปโภคบริโภคตลอดฤดูแล้งนี้

 

ศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ (SWOC) กรมชลประทาน จึงได้ออกมาเปิดเผยข้อมูลสถานการณ์น้ำปัจจุบัน เพื่อยืนยันถึงความพร้อมในการบริหารจัดการน้ำ และสร้างความเชื่อมั่นให้กับทุกภาคส่วน

 

ปัจจุบันสถานการณ์น้ำในภาพรวมของประเทศอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ โดยอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศมีปริมาณน้ำรวมกันทั้งสิ้น 52,667 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็น 69% ของความจุอ่างฯ ทั้งหมด

 

ซึ่งมากกว่าปีที่ผ่านมาถึง 1,099 ล้านลูกบาศก์เมตร ในจำนวนนี้ เป็นน้ำใช้การได้จริงถึง 28,729 ล้านลูกบาศก์เมตร

 

สำหรับพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาซึ่งเป็นพื้นที่เกษตรกรรมสำคัญของประเทศ 4 เขื่อนหลัก ได้แก่ เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์

 

มีปริมาณน้ำรวมกัน 16,778 ล้านลูกบาศก์เมตร (67% ของความจุอ่างฯ) และมีน้ำใช้การได้ 10,082 ล้านลูกบาศก์เมตร

 

ในส่วนของการจัดสรรน้ำฤดูแล้งปี 2567/68 กรมชลประทานได้ดำเนินการจัดสรรน้ำไปแล้วทั่วประเทศกว่า 18,400 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็น 63% ของแผนการจัดสรรน้ำที่วางไว้

 

เฉพาะในลุ่มน้ำเจ้าพระยา ได้มีการจัดสรรน้ำไปแล้วกว่า 6,209 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ 69% ของแผนฯ ซึ่งจากข้อมูลดังกล่าว แสดงให้เห็นว่าการจัดสรรน้ำเป็นไปตามแผนที่กำหนดไว้

 

และปริมาณน้ำต้นทุนที่มีอยู่ยังคงเพียงพอต่อการสนับสนุนกิจกรรมการใช้น้ำทุกภาคส่วนตลอดฤดูแล้งนี้อย่างแน่นอน

 

สำหรับสถานการณ์การเพาะปลูกพืชฤดูแล้งปี 2567/68 พบว่า เกษตรกรทั่วประเทศได้ทำการเพาะปลูกข้าวนาปรังไปแล้วกว่า 9.14 ล้านไร่ คิดเป็น 91% ของแผนการเพาะปลูกที่ตั้งไว้

 

โดยในพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยามีการเพาะปลูกข้าวนาปรังรวม 6.33 ล้านไร่ ซึ่งเป็นไปตามแผนการเพาะปลูกพืชฤดูแล้งที่กรมชลประทานได้วางไว้

 

ทั้งนี้ กรมชลประทานได้มีการบริหารจัดการน้ำอย่างใกล้ชิด โดยปรับแผนการส่งน้ำให้สอดคล้องกับปฏิทินการเพาะปลูกที่เปลี่ยนแปลงไป เพื่อให้เกษตรกรสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ทันก่อนที่จะเข้าสู่ช่วงฤดูฝนปี 2568 

 

นอกเหนือจากการบริหารจัดการน้ำในภาพรวมแล้ว กรมชลประทานยังได้ให้ความสำคัญกับการช่วยเหลือเกษตรกรในระดับพื้นที่อย่างต่อเนื่อง โดยมีการติดตั้งเครื่องสูบน้ำในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ เพื่อช่วยบรรเทาปัญหาการขาดแคลนน้ำในพื้นที่เพาะปลูก

 

พร้อมทั้งดำเนินการกำจัดวัชพืชและสิ่งกีดขวางทางน้ำอย่างสม่ำเสมอ เพื่อรักษาคุณภาพน้ำให้สะอาด และเพิ่มประสิทธิภาพในการระบายน้ำให้ดียิ่งขึ้น

 

จากข้อมูลและมาตรการต่างๆ ที่กรมชลประทานได้ดำเนินการ จึงยืนยันได้ว่า สถานการณ์น้ำในปัจจุบันอยู่ในภาวะที่ควบคุมได้ และมีน้ำเพียงพอต่อการอุปโภคบริโภคและการเกษตรตลอดฤดูแล้งนี้ ประชาชนจึงมั่นใจได้ว่า จะมีน้ำใช้อย่างไม่ขาดแคลนอย่างแน่นอน