เปิดปราการด่านหน้า หน่วยเฉพาะกิจราชมนู ปราบแก็งคอลเซ็นเตอร์
เมื่อรัฐบาลเอาจริง! สั่งย้ายข้าราชการเอี่ยวแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เดินหน้าปราบปรามข้ามชาติ ข้อมูลจาก หน่วยเฉพาะกิจราชมนู ถูกส่งตรงถึง ภูมิธรรม เวชชยชัย ก่อนตัดสินใจใช้มาตรการขั้นเด็ดขาด "ตัดรากถอนโคน"
กรณีรัฐบาลน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ประกาศเอาจริงกับการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ในการประชุมครม.เมื่อวันที่ 11กุมภาพันธ์ 2568 หลังการประชุมครม.ประจำสัปดาห์ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ระบุว่า เตรียมมีคำสั่งย้ายข้าราชการระดับสูงที่มีความเกี่ยวโยงกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยเฉพาะฝั่งตรงกันข้ามชายแดนไทยเมียนมา ที่ก่อนหน้านี้ ฝ่ายมั่นคงมีการตัดกระแสไฟฟ้าจากฝั่งไทยโดยกฟภ.เพื่อสกัดกั้นปราบปรามกลุ่มมิจฉาชีพฉวยโอากาสสร้างความเดือดร้อนทางเศรษฐกิจให้กับประเทศไทย
หน่วยงานสำคัญที่รับผิดชอบที่คอยรายงานข่าวความเคลื่อนไหวตามแนวชายแดนให้รัฐบาลใช้ในการตัดสินใจดำเนินการปราบปรามกลุ่มขบวนการแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ คือ หน่วยเฉพาะกิจราชมนู สังกัดกองกำลังนเรศวร ค่ายวชิรปราการ อำเภอเมือง จังหวัดตาก ในการควบคุมบัญชาการของกองทัพภาคที่3
ว่าด้วยเฉพาะ"หน่วยเฉพาะกิจราชมนู"หรือหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 4 มีพ.อ.ณัฐกร เรือนติ๊บ หรือ “ผู้การติ๊บ” เป็นผู้บังคับการหน่วย ประกอบกำลังจากทหารหลักและทหารพราน มีสถานที่ตั้งฐานปฏิบัติการม่วงมี อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก รับผิดชอบพื้นที่ 5 อำเภอชายแดน คือ อ.แม่สอด อ.พบพระ อ.อุ้มผาง อ.แม่ระมาด และ อ.ท่าสองยาง ระยะทางราว 533 กม.
"หน่วยเฉพาะกิจราชมนู"นอกจากภารกิจหลัก คือการป้องกันชายแดน การสกัดกั้น ยับยั้งโต้ตอบ และผลักดันการละเมิด อธิปไตยของกองกำลังต่างชาติแล้ว ยังได้รับมอบภารกิจเพิ่มเติมคือการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดตามแนวชายแดน การสกัดกั้นแรงงาน ต่างด้าวและผู้หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย รวมทั้งการป้องกันการลักลอบ ทำลายทรัพยากรป่าไม้ จัดตั้งเป็นกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 3 ส่วนแยก1 และดำเนินงานตามโครงการพัฒนาความมั่นคง พื้นที่ชายแดน ตามแนวทางพระราชทาน
"หน่วยเฉพาะกิจราชมนู" เป็นที่รู้จักของสังคมคือการติดตามประสานงานกับทางการเมียนมา TBC , BGF , KNU , DKBA หลังตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด เส้นทางจาก อ.เมืองตาก มายัง อ.แม่สอด พบว่า ดาราชายชาวจีน ซิงซิง หรือ นายหวังซิง เดินทางมาที่แม่สอด โดยมิจฉาชีพลวงให้เดินทางมาประเทศไทย ก่อนนำตัวข้ามไปยังฝั่งเมียวดีของเมียนมา ตรงข้ามกับ อ.แม่สอด จ.ตาก คาดว่าจะถูกนำพาผ่านช่องทางธรรมชาติ ฝั่งบ้านแม่โกนเกน กระทั่งมีการพบตัว
ก่อนการติดสินใจสั่งย้ายข้าราชการระดับสูงที่มีความเกี่ยวโยงกับกลุ่มขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 6 กุมภาพันธ์ 2568 นายภูมิธรรมเดินทางไปที่ "หน่วยเฉพาะกิจราชมนู" ด้วยตัวเองเพื่อให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ เนื่องจากพื้นที่เป็นแนวป้องกันด่านแรกของประเทศ มีลักษณะภูมิประเทศที่ท้าทาย และมักใช้ในการลักลอบกระทำผิดกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นยาเสพติด การค้ามนุษย์ อาชญากรรมข้ามชาติ เจ้าตัวถึงขนาดออกปากชมว่า
"หน่วยเฉพาะกิจราชมนูได้ตอบสนองต่ออธิบายของรัฐบาลอย่างยอดเยี่ยม โดยเฉพาะในมาตรการตัดไฟ ตัดอินเทอร์เน็ต ตัดน้ำมัน ซึ่งมาตรการนี้ต้องอาศัยความเข้มแข็ง ความเด็ดขาดและการทำงานเป็นระบบ เพื่อให้เครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติไม่สามารถใช้ทรัพยากรของไทยเป็นฐานดำเนินการ"
นอกจากนายภูมิธรรมจะให้ความสำคัญกับหน่วยงานนี้ แม้กระทั่งพลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบกในฐานะผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก หน่วยสั่งการตรงส่งถึงกองกำลังกองกำลังนเรศวร พร้อมพลตำรวจเอก ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ/ผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก็เดินทางไปที่หน่วยแห่งนี้ด้วย
ทั้งนี้ กองร้อยทหารราบที่ 433 หน่วยเฉพาะกิจราชมนู ณ ฐานปฏิบัติการม่วงมี อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ซึ่งเป็นจุดตรวจการณ์สำคัญบริเวณจุดผ่านแดนถาวรสะพานมิตรภาพไทย - เมียนมา แห่งที่ 2 นอกจากนี้ยังมีจุดตรวจท่าข้าม 34 (ท่าศาลเจ้า) ตำบลท่าสายลวด, จุดตรวจการณ์บ้านวังแก้ว อำเภอแม่สอด จุดตรวจการสันยายหลู่ อำเภอแม่สอด และ จุดตรวจการบ้านช่องแคบ อำเภอพบพระ
ว่ากันว่า ทั้งปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติในพื้นที่แนวชายแดนฝั่งเมียนมา การหลอกลวงออนไลน์/Call Center, การค้ามนุษย์, การลักลอบเข้าเมือง, การลักลอบขนยาเสพติดและอาวุธสงคราม ถูกรายงานส่งตรงไปยังทำเนียบรัฐบาลและข้อมูลทั้งหมดอยู่ในมือของนายภูมิธรรม การปราบปรามขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งรัฐบาลแพทองธาร ประกาศเอาจริงชนิดขุดรากถอนโคนเป็นเรื่องที่น่าจับตายิ่ง!
เครดิตภาพปก ทีมโฆษกกองทัพบก /หน่วยเฉพาะกิจราชมนู


