จับตา"ภูมิธรรม"เข้ากลาโหม 16ก.ย.67 เจ้าตัวลั่นไม่ขยายอำนาจในกองทัพ

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ว่า จะเข้าไปปฎิบัติหน้าที่ในกระทรวงกลาโหม วันที่ 16ก.ย.67 เวลา 10.00น.และจะรับประทานอาหารร่วมกับผู้บัญชาการเหล่าทัพพร้อมรับฟังบรรยายสรุปจากผู้บริหารกระทรวงกลาโหมมอบนโยบายกว้างๆบางส่วนและตรวจแถวกองทหารเกียรติยศ

ส่วนแผนหารือนัดคุยกับบอร์ด 7 เสือกลาโหมเพื่อพิจารณาการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารชั้นนายพล นายภูมิธรรม กล่าวว่า อะไรที่เป็นจุดเริ่มต้นก็จะฟังผู้บัญชาการและผู้บริหารกระทรวงกลาโหมทั้งหมด

"หัวใจสำคัญคือต้องการที่จะไปรับฟังจากทุกส่วน และต้องการให้ทุกฝ่ายได้ทราบถึงเจตนาและวัตถุประสงค์ของที่เข้าไปทำงานว่าไม่ได้คิดที่จะเข้าไปขยายอำนาจอะไร แต่คิดว่าต้องการไปร่วมมือกันและสร้างให้กองทัพสามารถอำนวยประโยชน์ให้กับประชาชนให้ได้มากที่สุด และใช้กำลังพลของกองทัพที่มีอยู่อย่างเข้มแข็ง รวมถึงเครื่องไม้ เครื่องมือที่มีอยู่อย่างมากมายจะได้นำไปใช้" 

ทั้งนี้ นายภูมิธรรมระบุด้วยว่าวันแรกของการเข้าไปทำงานในกะทรวงกลาโหม หลังจากตรวจแถวกองทหารเกียรติยศแล้วจะไปตรวจเยี่ยมเหล่าทัพต่างๆ โดยงานแรกคิดว่าจะเดินทางไปเยี่ยมเยียนทหารที่ได้รับภัยจากการปฎิบัติหน้าที่ ที่โรงพยาบาลทหารผ่านศึก เขาขาดเหลืออะไรก็จะได้ไปช่วยเหลือ

จากนั้น จะเดินทางไปเยี่ยมกรมสวัสดิการทหารทุกส่วนและสุดท้ายจะเดินทางไปเยี่ยมกองทหารช่าง ของกองทัพบก รวมถึงกองทหารพัฒนา ของกองทัพไทย ซึ่งคิดว่าจะพูดคุยกับผู้บัญชาการกองทัพไทย ย้ำว่านโยบายอยากให้กองทัพสามารถวางแผนในการช่วยเหลือประชาชนตลอดทั้งปี ไม่ใช่เฉพาะในช่วงที่มีภัยพิบัติเท่านั้น

นายภูมิธรรมระบุด้วยว่า ไม่หนักใจอะไรในเรื่องที่ต้องพิจารณาโผทหารให้เสร็จก่อนวันที่ 15 ก.ย.67 เพราะทราบกันดีอยู่แล้วว่ามีการเปลี่ยนรัฐบาล เมื่อมีการเปลี่ยนรัฐบาลทุกอย่างมันก็สะดุดหยุดลง ซึ่งเราก็จะใช้ช่วงเวลาที่เราเข้ามาทำให้เร็วที่สุด แต่ถ้ามันเลยเวลาจริงๆเราก็มีเหตุผลที่ทุกคนจะเข้าใจได้  ย้ำว่าต้องทำให้เสร็จโดยเร็ว ก่อนที่จะมีการโยกย้าย ในเดือนต.ค.นี้กำลังพลจะต้องเข้ามาขับเคลื่อนงาน เพราะเราอยากให้งานของทุกกรมมีความต่อเนื่อง

เมื่อถามอีกว่าจะดำเนินนโยบายของนายสุทิน คลังแสง อดีตรมว.กลาโหมต่อไปหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า จะขอดูก่อนว่าสิ่งไหนที่เป็นประโยชน์ ก็คงจะเดินหน้าต่อได้ แต่ส่วนไหนที่มีความคิดต่างกันก็คงจะมีการปรึกษาผู้นำเหล่าทัพทั้งหมดก่อน