posttoday

2บิ๊กตำรวจรายงานตัวสปน.'ต่อ'ถอดหัวโขน'โจ๊ก'ถอนฟ้องยุติปมขัดแย้ง

21 มีนาคม 2567

'พล.ต.อ.ต่อศักดิ์-พล.ต.อ.สุรเชษฐ์'เข้ารายงานตัวสำนักนายกฯ ผบ.ตร.ประกาศถอดหัวโขน ส่วนรองผบ.ตร.ถอดฟ้องทุกคดียุติความขัดแย้งในสตช.

พลตำรวจเอก ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางไปรายงานตัวที่ สำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) ภายในทำเนียบรัฐบาลแล้ว หลังจากที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี มีคำสั่งย้ายไปช่วยราชการสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นเวลา 60วันจากปมปัญหาเว็บพนันออนไลน์ บานปลายไปสู่การฟ้องร้องดำเนินคดีระหว่าง2นายพลตำรวจเอก 
 

พลตำรวจเอกต่อศักดิ์ เดินทางไปที่ทำเนียบรัฐบาลก่อน เวลา09.40น.เพื่อรายงานตัวกับธีระพงษ์ วงศ์ศิวะวิลาส ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีขณะที่้พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เดินทางถึงทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 09.55น.

พลตำรวจเอกต่อศักดิ์ ทำท่า มินิฮาร์ท ให้นักข่าวแต่เลือกใช้ประตูทางเข้าอีกอาคารและเดินขึ้นบันไดชั้น 2 มาที่หน้าห้องปลัด โดยไม่ผ่านด้านหน้าที่มีสื่อมวลชนรออยู่  และยังให้ทีมล่วงหน้ามาดู และขับรถเพื่อดึงดูดความสนใจ
 

ทั้งนี้หลังการรายงานตัวนานกว่า 50 นาที พลตำรวจเอกต่อศักดิ์ และพลตำรวจเอกสุรเชษฐได้เดินออกมาพร้อมกัน 

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวที่ถูกมองว่าใกล้ชิดกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เรื่องถึงออกมาเป็นเช่นนี้ ว่า ไม่เกี่ยว ส่วนการไปตอนนั้นเพื่อไปทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยขบวนสำคัญเพราะเขาเป็นอดีตนายกฯ พร้อมย้ำว่าไม่มีเรื่องส่วนตัว ไม่เกี่ยวอะไรทั้งสิ้น แต่เรื่องนี้เป็นการแก้ไขของนายกรัฐมนตรี เพื่อให้เกิดความสามัคคีในหน่วย

เมื่อถามย้ำว่า ถูกมองว่าเป็นสายบ้านจันทร์ส่องหล้า ไปแล้ว พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ส่ายหัวพร้อมระบุว่า ไม่มีสายไหน มีแต่เป็นรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และเมื่อตอนนี้ให้มาทำหน้าที่นี้ก็ต้องมาทำ 

เมื่อถามว่าได้อ่านคำสั่งย้ายที่ออกมาหรือยัง เพราะทาง ผบ.ตร. ก็ยอมรับว่าจากคำสั่งดังกล่าวก็เหมือนมีความขัดแย้งจริง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ระบุว่า นายกรัฐมนตรีต้องการที่จะแก้ไขปัญหาทุกอย่างเพื่อให้เกิดความสามัคคีในหน่วยงาน เพราะฉะนั้นวันนี้ทุกคนก็ต้องทำหน้าที่ เพื่อประชาชนและเพื่อส่วนรวม เรื่องส่วนตัวต้องทิ้งไปให้หมด

แต่อย่างไรวันนี้ก็ยังไม่มีการพบนายกฯ รวมถึงเลขาธิการนายกฯ ซึ่งวันนี้มารายงานตัวกับปลัดสำนักนายกฯก็ถือว่าเรียบร้อยแล้ว และเดี๋ยวจะไปดูห้องทำงาน พร้อมยืนยันว่าจะมาทำงานทุกวันไม่มาไม่ได้ ตนได้รับมอบหมายให้ดูงานด้านที่ปรึกษากฎหมาย พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารต่างๆ และการกระจายอำนาจ ซึ่งเชื่อว่าจะทำหน้าที่ได้ดี

สำหรับความขัดแย้งครั้งนี้ถือว่ารุนแรงที่สุดเลยหรือไม่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ย้ำว่า จบทุกอย่างก็ต้องจบ เพราะเมื่อวานก็คุยกันแล้ว ทุกอย่างต้องเรียบร้อย ซึ่งองค์กรต้องอยู่และต้องแข็งแรงเพื่อทำงานให้ประชาชนโดยไม่มีการแบ่งฝ่าย ก่อนย้ำว่าจะไม่มีความขัดแย้งอะไรทั้งสิ้น

เมื่อถามว่า คนมอง “บิ๊กโจ๊ก” มีชีวิตที่ 10 - 11 พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยิ้ม พร้อมบอกว่าไม่มีอะไรหรอกวันนี้ก็ทำหน้าที่ปกติ เขามีโอกาสให้ทำงานก็ต้องทำงาน ส่วนรอบนี้จะเนเวอร์ดายหรือไม่นั้นไม่รู้ เพราะก็ทำหน้าที่ไปตามปกติตามที่ได้รับมอบหมาย 

เมื่อถามว่ส มีปัญหาทุกครั้งก็กลับมาได้ตลอดนั้นได้มูอะไรหรือไม่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ระบุว่า ไม่ได้มู ก็ทำหน้าที่ให้ดี เพราะการทำหน้าที่ต้องยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง ให้ประชาชนมีความเชื่อมั่น มั่นใจศรัทธาและคลายความทุกข์ให้ได้ ซึ่งนี่คือหน้าที่ของข้าราชการแผ่นดินอยู่แล้ว

เมื่อถามว่าส่วนเรื่องคดีความยังไม่ได้นัดคุยกับผบ.ตร.โดยจะมีการนัดคุยอีกครั้ง เมื่อถามว่าทำไมยังยิ้มได้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยิ้มเขิน ก่อนระบุว่า อารมณ์ดี นี่ก็กลับบ้านไง โดยไม่รู้มาก่อนและรู้พร้อมกัน แต่ก็เป็นเรื่องที่ผู้บังคับบัญชาพิจารณาแล้ว

ในช่วงท้ายถามว่า มั่นใจแค่ไหนว่าจะได้กลับ สตช. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์  ระบุว่า ไม่รู้ขึ้นอยู่กับนายกรัฐมนตรี ให้อยู่ไหนก็อยู่ตรงนั้นเพราะทุกที่สบายใจหมดอย่าไปคิดมาก

สำหรับการเรียกตัวเข้ามาที่ทำเนียบรัฐบาลครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่2แล้วจะมีครั้งต่อไปอีกหรือไม่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ ระบุว่า แล้วแต่ผู้บังคับบัญชาจะมอบหมายให้ไปทำงานที่ไหนก็ต้องทำ แต่ต้องมีวินัย ขณะที่งานที่รับผิดชอบอยู่ก่อนหน้านี้ตนไม่ห่วงมั่นใจว่ารักษาราชการแทน ผบ.ตร.จะสามารถสานต่อและกำชับมอบหมายงานให้งานให้บุคคลอื่นทำต่อไป

ส่วน บก.น.2 เรียกตัวให้ไป รับทราบข้อกล่าวหาครั้งที่หนึ่งในคดี ฟอกเงินยืนยันว่า ยังไม่ได้รับหมายรวมถึงคดีอื่นๆที่ยังค้างอยู่ 3 คดี พล.ต.อ.สุรเชษฐ ย้ำว่าจะพูดคุยกับ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ก่อนแต่ยืนยันว่าจะมีการถอนฟ้องทั้งหมด"ความขัดแย้งในสำนักงานตำรวจแห่งชาติหลังจากนี้ต้องยุติแล้ว ไม่มีใครขัดแย้งกับใคร" 

อย่างไรก็ตามเป็นที่สังเกตว่า พล.ต.อ. สุรเชษฐ มีสีหน้าค่อนข้างแจ่มใส แต่ตาทั้งสองข้างแดงบวมไม่เท่ากัน

พลตำรวจเอกต่อศักดิ์ ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนว่า โดยได้รับมอบหมายให้ดูงานจิตอาสาซึ่งทำอยู่แล้ว ถึงให้คำปรึกษาเรื่องการดูแลชุมนุมต่างๆ เนื่องจากเราก็เป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติมา ซึ่งจะเดินทางเข้ามาทำงานทุกวัน แต่ยังคงต้องเข้าเวรราชองครักษ์อยู่ 

ส่วนที่นายกรัฐมนตรี ได้มอบนโยบาย ไม่ให้มี แบ่งฝ่ายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พลตำรวจเอกต่อศักดิ์ กล่าวว่า ถ้าเราออกมาแล้ว ทำให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติดีขึ้น มันไม่ได้แบ่งฝักแบ่งฝ่าย เราอยู่กันแบบพี่น้อง พยายามสร้างตั้งแต่วันแรกที่เข้าไปรับตำแหน่ง ว่า เราจะทำบ้านให้เปลี่ยนแปลง แต่มันออกมาในลักษณะนี้ นายกฯจึงต้องเข้าไปจัดระเบียบ และเชื่อว่าในการบริหารราชการแผ่นดิน ท่านทำหน้าที่บริหารได้อย่างถูกต้อง รับและยินดีอยู่แล้ว ไม่ได้คิดหรือกังวลอะไร อยู่ที่นี่ก็ดี เรื่องรับงานเอกสารก็ทำอยู่แล้ว ขออย่าห่วงว่าจะเครียดหรืออะไร 

ส่วนที่นายกฯกล่าวว่า ให้เรื่องนี้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม ตำรวจเอกต่อศักดิ์ กล่าวว่า เมื่อตนลุกมาแล้ว เรื่องของรักษาการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ตนเข้าไปยุ่งเกี่ยวอะไรไม่ได้อีกแล้ว 

เมื่อถามว่า หนังสือย้ายเมื่อวานนี้ใช่คำค่อนข้างรุนแรง พลตำรวจเอกต่อศักดิ์ กล่าวว่า ยอมรับเป็นหัวหน้าหน่วย ทำให้องค์กรเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันไม่ได้ มันเป็นความบกพร่อง เมื่อเป็นหัวหน้าฝ่ายบริหาร ต้องกำกับดูแลในส่วนนี้ ยอมรับสภาพ คนรู้ก็คาใจอยู่ ยังบอกกับบิ๊กโจ๊ก ว่า เราไม่ได้นั่งคุยกัน พยายามทำสภากาแฟ ให้พี่น้องได้มาคุยกัน เป็นพี่เป็นน้อง ไม่ใช่เจ้านาย ไม่ใช่หัวหน้า ซึ่งก็โอเคในระดับหนึ่ง 

เมื่อถามว่าจำเป็นจะต้องมีการทำเอกสารชี้แจงคณะกรรมการที่ตั้งขึ้นมาสอบเรื่องนี้หรือไม่พลตำรวจเอกต่อศักดิ์ กล่าวว่า ถ้ามีการเรียก ก็พร้อมที่จะยื่นเอกสาร จะยืนยันว่าไม่ได้รู้สึกน้อยใจ แม้อายุราชการจะเหลือน้อยก็ตาม แต่จะช้าหรือเร็ว อย่างไรก็ต้องลุก เป็นอะไรงานเลี้ยงต้องมีวันเลิกลา 

"วันนี้พี่ถอดหัวโขน อยู่แค่ตำแหน่ง ผบ.ตร.หัวโขนในการปฏิบัติหน้าที่ เราก็ถอดออก พี่มานั่งที่นี่ก็ใส่หัวโขนที่นี่ โรงละครของเราเลิกแล้วก็เก็บฉาก เก็บเครื่องแต่งตัว ปิดไฟ หอบเสื่อกลับบ้านเรา ก็เท่านั่น ชีวิตเรามีเท่านี้ คุณจะมาเครียดอะไร มาเร็วก็ต้องจากกัน ผมไม่เครียดหรอก ยืนยันไม่ช็อคเพราะรู้ล่วงหน้ามาก่อนแล้ว รู้ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะเรียกเข้าพบด้วย รู้ส่วนตัวอยู่แล้ว"

เมื่อถามย้ำว่า ที่โดนเด้งครั้งนี้ เป็นเพราะเราจัดการเรื่องในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไม่ได้ใช่หรือไม่ ตำรวจเอกต่อศักดิ์ กล่าวว่า "ใช่" พร้อมกับยกนิ้วโป้งขึ้น