posttoday

ตำรวจจ่อขอหมายจับ2ตัวการสำคัญคดีตบทรัพย์อธิบดีกรมการข้าว

31 มกราคม 2567

'พล.ต.ต.จรูญเกียรติ'แจงใช้พ.ต.อ.จับเจ๋งดอกจิกในทำเนียบฯคดีตบทรัพย์อธิบดีกรมข้าวตำรวจมีอำนาจจับกุมเท่ากัน วันเกิดเหตุต้องแบ่งหน้าที่กันทำ

เมื่อวันที่ 31 ม.ค.2567 พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. เปิดเผยความคืบหน้าคดีศรีสุวรรณกับพวกรีดทรัพย์อธิบดีกรมการข้าวว่า พนักงานสอบสวนเตรียมออกหมายจับผู้ร่วมขบวนการอีกไม่น้อยกว่า2คน ภายในวันศุกร์นี้ (2ก.พ.67) เป็นตัวการในคดีและเป็นบุคคลที่มีความสำคัญซึ่งตำรวจต้องการตัวมาก

นอกจากนี้มีการแจ้งความเพิ่มเติมกับนางสาวพิมณัฏฐา จิระพุทธิภาคย์หรือ ตูน อดีตผู้สมัคร ส.ส.จังหวัดอุตรดิตถ์ พรรครวมไทยสร้างชาติ ในข้อหาเป็นเจ้าพนักงานเรียกรับผลประโยชน์ฯ เพราะระหว่างเกิดเหตุมีตำแหน่งเป็นคณะทำงานเขตตรวจราชการที่ 11 ของรองนายกรัฐมนตรีก่อนที่จะถูกยกเลิกในวันที่มีการจับกุม ดังนั้นจะทำให้นางสาวพิมณัฏฐาเป็นผู้ต้องหาสายเดียวกับเจ๋ง ดอกจิก
 

นอกจากนี้ พนักงานสอบสวนกำลังอยู่ในขั้นตอนการเชิญนายหมู ที่ปรึกษารมว.เกษตรมาให้ปากคำในฐานะพยาน ขณะเดียวกันวันนี้ได้เชิญพยานที่เกี่ยวข้องกับคดีมาสอบปากคำหลายปาก รวมทั้งข้าราชการชั้นผู้ใหญ่อักษรย่อ ท.เหยื่อขบวนการศรีสุวรรณพนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างการประสานมาให้ข้อมูลด้วย 

เมื่อถามถึงกรณีนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี ติงการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจบก.ปปป.เข้าจับกุมตัวเจ๋ง ดอกจิก และนางสาวพิมณัฏฐา ที่ทำเนียบรัฐบาล ใช้เพียงตำรวจยศพันตำรวจเอกในการจับกุม ถือว่าไม่ให้เกียรติสถานที่ ต่างจากที่จับกุมนายศรีสุวรรณ ที่พลตำรวจตรีจรูญเกียรติไปจับกุมเอง พลตำรวจตรีจรูญเกียรติยืนยันว่าตามกฎหมาย ตำรวจทุกคนมีอำนาจจับกุมได้เท่าเทียมกัน เป็นการกระจายปฏิบัติงานตามหน้าที่ และตามขั้นตอนจะต้องจับกุมนายศรีสุวรรณที่เป็นตัวการใหญ่สุดก่อนจากนั้นจึงจะจับกุมบุคคลที่เหลือไม่ได้เป็นการไม่ให้เกียรติสถานที่

"ไม่ได้เป็นการไม่ให้เกียรติสถานที่ ตำรวจทุกนายมีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์เท่าเทียมกัน ไม่ได้ขึ้นอยู่กับยศ แต่ขึ้นอยู่กับกฎหมายขอวิงวอนนายพีระพันธุ์ให้รีบส่งหนังสือยกเลิกการแต่งตั้งเจ๋ง ดอกจิก และนางสาวพิมณัฏฐา เป็นเจ้าหน้าที่รัฐมาให้เจ้าหน้าที่ด้วย เพื่อที่เจ้าหน้าที่จะได้ดำเนินการต่ออยากให้เข้าใจการทำงานของเจ้าหน้าที่"พล.ต.ต.จรูญเกียรติกล่าว