posttoday

"ศิริกัญญา​" รับผิดหวัง​ "รัฐบาลเศรษฐา"​ จัดงบไม่ต่างรัฐบาลพลเอกประยุทธ์​

30 ธันวาคม 2566

ศิริกัญญา​ ตัน​สกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ผิดหวัง​รัฐบาลเศรษฐา​ จัดงบไม่ต่าง 9 ปี​ รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ พร้อมติงงบกลาโหมเพิ่ม 2% ผิดจากนโยบายหาเสียงเพื่อไทย

นางสาวศิริกัญญา​ ตัน​สกุล สส.​บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล​ ​กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมอภิปราย ร่างงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ที่จะเริ่มอภิปรายวันที่ 3-5 มกราคม 2567 ​ว่า​พรรคก้าวไกลได้ศึกษาวิเคราะห์งบประมาณออกมาแล้ว และได้ตั้งเป็นธีมขึ้นมาว่า "วิกฤตแบบใด ทำไมจึงจัดงบแบบนี้" 

เพราะหลังจากที่ได้ศึกษาพบว่า ทั้งพรรคเพื่อไทยและรัฐบาล ไม่ได้มุ่งเน้นหรือพยายามที่จะแก้ไขปัญหาวิกฤตต่างๆ ที่กำลังเกิดขึ้นในสังคมไทย โดยพรรคเพื่อไทยเคยอ้างถึง 3 วิกฤต คือวิกฤตเศรษฐกิจปากท้อง วิกฤตรัฐธรรมนูญ และวิกฤตความขัดแย้ง แต่กลับพบว่า งบประมาณที่จัดสรรให้กับแต่ละกระทรวง ไม่ได้สอดคล้องกับการแก้ไขปัญหาวิกฤตเหล่านี้

นอกจากนี้ ยังมีวิกฤตอื่นๆ ที่สังคมเห็นตรงกันว่าเป็นวิกฤต เช่น วิกฤตทางด้านการศึกษา วิกฤตทรัพยากรมนุษย์ วิกฤตด้านสิ่งแวดล้อม แต่กลับพบว่า งบประมาณที่จัดสรรให้กับกระทรวงที่เกี่ยวข้องนั้น ยังไม่เพียงพอที่จะแก้ไขปัญหาวิกฤตเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ทั้งยังมีงบประมาณอีกหลายอย่างที่หายไป เช่น โครงการดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งเป็นโครงการที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก แต่กลับพบว่างบประมาณสำหรับโครงการนี้ไม่ได้ถูกบรรจุไว้ในร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ต้องไปลุ้นว่าจะได้รับการอนุมัติในภายหลังหรือไม่

สำหรับการตั้งงบประมาณในการทำประชามติ​ มีการตั้งงบไว้เพียงกึ่งหนึ่ง​ แต่ก็ยังไม่รู้ว่าไทม์ไลน์ที่แท้จริงจะออกมาอย่างไร​ จะจัดทำประชามติกี่ครั้ง และงบที่จัดไว้แต่เพียงพอหรือไม่ ยังมีงบอีกหลายเรื่อง ที่ต้องยอมรับว่ารัฐบาลนายเศรษฐา​ ทวีสิน จำเป็นจะต้องรับมรดกหนี้จากรัฐบาลพลเอกประยุทธ์​ จันทร์โอชา​ ทั้งหนี้สาธารณะ จากการออก พ.ร.บ.กู้เงิน ซึ่งยังต้องมีการตั้งงบไปใช้ในเงินคงคลัง เนื่องจากรัฐบาลของ​พลเอกประยุทธ์ มีการตั้งงบไว้ไม่เพียงพอ ซึ่งขณะนี้หนี้เงินคงคลัง 120,000 ล้านบาท​ แล้วยังมีหนี้ส่วนอื่นๆจากรัฐบาล​ พลเอกประยุทธ์ ที่จะต้องชดใช้เกือบ 4 แสนล้านบาท​ ซึ่งตนก็เห็นใจ แต่ส่วนที่เหลือที่สามารถจัดสรรงบประมาณได้เองกลับไม่เห็นความพยายามที่จะขับเคลื่อนนโยบายที่ได้แถลงต่อรัฐสภา รวมถึงนโยบายที่ได้หาเสียงไว้กับประชาชน 

 

นางสาวศิริกัญญา​ ยังระบุอีกว่า รู้สึกผิดหวังกับการจัดสรรงบประมาณที่ดูเหมือนว่าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากรัฐบาลก่อนหน้านี้​ พร้อมตั้งข้อสังเกต 2 ประการ เรื่องระยะเวลาที่ไม่สามารถใส่โครงการใหม่ๆเข้ามาได้ แต่ต้องยอมรับว่างบประมาณฉบับนี้มีการแก้ไขปรับปรุงตลอดเวลา ขณะเดียวกันยังมองอีกว่า การเข้าสู่อำนาจของรัฐบาลทำให้รัฐบาลต้องประนีประนอมกับหลายฝ่ายที่ร่วมรัฐบาล ทำให้หลายโครงการที่เป็นเรือธง เช่นการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ หรือแจกแท็บเล็ต ต้องเปลี่ยนไปอยู่ในมือของรัฐมนตรีพรรคร่วมรัฐบาลแทนจึงไม่สามารถขับเคลื่อนได้​ ซึ่งนี่เป็นการวิเคราะห์ข้อมูลจากการได้งบประมาณเพียง 4 วันเท่านั้น

ขณะที่​ งบประมาณของกระทรวงกลาโหมที่จัดสรรมานั้นเป็นไปอย่างน่าผิดหวัง​ ซึ่งก่อนหน้านี้ พรรคเพื่อไทยได้มีการหาเสียงเอาไว้ว่าจะตัดลดงบประมาณของกระทรวงกลาโหม ลง 10% แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคืองบเพิ่ม 2% ซึ่งส่วนอื่นพอหาเหตุผลได้ เช่น​ กระทรวงมหาดไทยที่งบเพิ่มมาจำนวนมาก เพราะมาจากการจัดงบเพื่อการกระจายอำนาจลงสู่ท้องถิ่นต้องขึ้นลงตามรายได้ที่เพิ่มขึ้น

ขณะเดียวกันหลายคนรู้สึกคาดหวังว่าในรอบ 9 ปี ที่มีการเปลี่ยนผู้นำรัฐบาล งบประมาณจะถูกจัดสรรแบบใหม่ๆ เพื่อที่จะสามารถทำให้ขับเคลื่อนนโยบายที่หาเสียงไว้ แต่ขึ้นปีที่ 10 เรายังคงเจอการทำงานแบบเดิมๆ​

เมื่อถามย้ำว่า​การที่นายกรัฐมนตรี​มอบหมายในนายภูมิธรรมนั่งเป็นประธาน​ สะท้อนว่าไม่ไว้ใจการทำงานของรัฐมนตรี​อื่นหรือไม่​ นางสาวศิริกัญญา​ มองว่าอาจไม่ถึงขนาดนั้น​ แต่ตั้งข้อสังเกตว่ามีวาระอะไรหรือไม่​ เมื่อให้นายภูมิธรรมมาควบคุมด้วยตัวเองทั้งๆที่ไม่ได้รับผิดชอบด้านเศรษฐกิจ​การคลัง​ จึงมองได้ว่าเป็นเป้าหมายทางการเมือง​ ไม่ใช่เป้าหมายปกติ​ พร้อมกับระบุว่าจะไม่มีการหยิบยกประเด็นดังกล่าวไปใช้ในการอภิปราย​ แต่ไม่ว่าใครจะมาเป็นประธานกรรมาธิการ​ ก็ให้โอกาสทดลองในการทำงานก่อน​ แต่หากมีปัญหาค่อยมาว่ากัน​