'ศรีสุวรรณ'ร้องป.ป.ช.สอบจริยธรรม'นายกฯเศรษฐา' ปมซื้อสลากเกินราคา

ที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน เข้ายื่นหนังสือต่อสำนักงาน ป.ป.ช. ถึงกรณีเมื่อวันที่ 31 ส.ค.66 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และคณะทำงาน ได้ลงพื้นที่รับฟังปัญหาประชาชนพ่อค้า แม่ค้า และภาคเอกชน โดยเดินเท้าออกจากพรรคไปขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดินสถานีเพชรบุรี ไปลงสถานีสุทธิสาร ซึ่งระหว่างเดิน นายกรัฐมนตรีและคณะ ได้แวะดูแผงลอตเตอรี่ และซื้อลอตเตอรี่ชุดละ 5 ใบ รวม 13 ชุด 65 ใบ ราคา 7,800 บาท เมื่อคำนวนแล้ว ตกใบละ 120 บาท ซึ่งนายกรัฐมนตรีไม่ใช่บุคคลธรรมดาแล้ว เพราะเมื่อได้รับโปรดเกล้าฯแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังแล้วก็จะเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งในการเดินตลาดดังกล่าว เป็นการซื้อลอตเตอรี่ครั้งใหญ่ซึ่งเป็นราคาที่เกินจากราคาที่สำนักงานสลากกำหนด 

ทั้งนี้ แม้ว่า นายกรัฐมนตรีไม่ใช่ผู้ขายสลาก แต่ในฐานะผู้ซื้อถือว่า เป็นการสนับสนุนส่งเสริม ให้ผู้ค้าได้กระทำความผิดกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา82 และมาตรา86 ที่ระบุว่าตัวการและผู้สนับสนุน มีความผิดเช่นเดียวกับแม่ค้าด้วย ซึ่งนอกเหนือจากความผิดตามประมวลกฎหมายอาญานั้น นายกรัฐมนตรียังดำรงตำแหน่งทางการเมือง การกระทำใดๆที่มีลักษณะไม่ถูกต้อง ก็มีมาตรฐานทางจริยธรรมกำกับดูแลอยู่ ที่มีระบุไว้ชัดเจนว่าผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจะต้องปฏิบัติหรือ ดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายโดยเคร่งครัด ไม่เอื้อประโยชน์ ไม่ใช้ประโยชน์ในตำแหน่งของตนเอง ไปเพื่อบุคคลใดหรือของตนเอง ดังนั้น จึงมายื่นต่อป.ป.ช. ให้สืบสวนไต่สวน เอาผิดนายกรัฐมนตรีในเรื่องจริยธรรม เพราะการกระทำของนายกรัฐมนตรีอาจเข้าข่ายความผิดทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง 
 

โดยภายหลังที่นายศรีสุวรรณ ได้ยื่นหนังสือกับสำนักงานป.ป.ช.เสร็จสิ้นก็เดินทางไปยื่นหนังสือที่สำนักงานกองสลาก ต่อเพื่อให้เอาผิดทางอาญากับผู้ค้าและผู้ซื้อ ซึ่งเรื่องข่าวการที่นายกรัฐมนตรีซื้อลอตเตอรี่ เกินราคาทุกคนทราบกันทั่วแต่สำนักงานกองสลากอย่างนิ่งเฉย ดังนั้นจึงคาดหวังให้สำนักงานกองสลากลงพื้นที่สำรวจบริเวณตลาดดังกล่าวก็จะพบว่ามีผู้ค้าขายสลากเกินราคา และสามารถจับกุมผู้ค้าสลากเกินราคาได้ แต่ถ้าหากไม่สามารถหาผู้ค้าสลากเกินราคาที่ตลาดดังกล่าวได้ ผู้อำนวยการกองสลากก็ควรจะพิจารณาตนเอง ไม่ควรจะอยู่เพื่อกินเงินภาษีของประชาชนต่อไป