posttoday

ผลศึกษา FTA ไทย - กลุ่มพันธมิตรแปซิฟิกเพิ่มฐานการตลาดลาตินอเมริกา

28 สิงหาคม 2566

รัฐบาลปูทาง FTA ไทย - กลุ่มพันธมิตรแปซิฟิก (PA) จากผลการศึกษาจะเพิ่มฐานการตลาดในภูมิภาคลาตินอเมริกา เพิ่มมูลค่าการค้า 16.75 % เพิ่ม GDP 0.04 หรือราว 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รับทราบต่อรายงานผลการศึกษาการจัดทำ FTA ระหว่างไทยกับกลุ่มพันธมิตรแปซิฟิก (Pacific Alliance: PA) ซึ่งคาดว่าจะมีส่วนผลักดันมูลค่าการค้าโดยรวมระหว่างไทยกับกลุ่ม PA ให้เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 16.75 และส่งผลให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของไทย เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.04 หรือสูงถึงประมาณ 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ทั้งนี้ ด้วยการวางแนวทางการดำเนินงาน เตรียมความพร้อมสำหรับการจัดทำ FTA ในขั้นตอนต่อไปไว้อย่างดี รัฐบาลเชื่อมั่นว่า การหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อใช้เป็นแนวทางผลักดัน FTA ให้มีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับประเภทของสินค้าและกลุ่มเป้าหมาย จะเป็นการเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันของผู้ประกอบการไทย และเป็นผลประโยชน์ส่งถึงประชาชนเป็นสำคัญ

รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ได้มอบหมายให้มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือทำการศึกษาวิจัยประโยชน์และผลกระทบในการจัดทำ FTA ระหว่างไทยกับกลุ่ม PA ซึ่งประกอบด้วยสมาชิก 4 ประเทศ ในภูมิภาคลาตินอเมริกา ได้แก่ ชิลี เปรู โคลอมเบีย และเม็กซิโก ซึ่งมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 8 ของโลก มี GDP รวมกันคิดเป็นร้อยละ 36 ของภูมิภาค และมีประชากรกว่า 225 ล้านคน โดยจากการศึกษาพบว่า การจัดทำ FTA ดังกล่าว คาดว่าจะทำให้ GDP ของไทย เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.04 หรือสูงถึงประมาณ 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และมูลค่าการค้ารวมระหว่างไทยกับกลุ่ม PA เพิ่มขึ้นร้อยละ 16.75 หรือประมาณ 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งกลุ่ม PA จะเป็นแหล่งวัตถุดิบที่สำคัญของไทย โดยเฉพาะสินแร่ (อาทิ ทองแดง ลิเทียม แร่เหล็ก) ผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำ และผลผลิตทางการเกษตร โดยสินค้าส่งออกไทยที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์จาก FTA ดังกล่าว ได้แก่ ธัญพืช พลาสติกและของที่ทำด้วยพลาสติก ยางและของทำด้วยยาง ยานยนต์และชิ้นส่วน และเครื่องนุ่งห่ม ขณะที่สาขาบริการของไทยที่มีศักยภาพ ได้แก่ การท่องเที่ยว โรงแรมและร้านอาหาร การค้าส่งค้าปลีก และการก่อสร้าง

นอกจากนี้ ยังมีการหารือแลกเปลี่ยนความคิดเห็นร่วมกันระหว่างหน่วยงาน เช่น สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย และ สภาหอการค้าเม็กซิกัน - ไทย ซึ่งเห็นพ้องต่อการจัดทำ FTA กับกลุ่ม PA เพิ่มเติม เพื่อขยายตลาดในการส่งออกสินค้าของไทยได้มากขึ้น และช่วยลดกำแพงภาษีได้ พร้อมเสนอแนะให้พิจารณาถึงสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ให้ชัดเจน คำนึงถึงผลประโยชน์ประชาชนเป็นสำคัญ โดยเฉพาะประเทศเม็กซิโกที่ถือเป็นคู่ค้าสำคัญลำดับต้นของไทยในภูมิภาคลาตินอเมริกาและแคริบเบียน ซึ่งที่ผ่านมาทางกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ได้จัดกิจกรรมการค้าระหว่างผู้ประกอบการไทยและเม็กซิโกอย่างต่อเนื่องทุกปี โดยสินค้าไทยมีศักยภาพที่จะส่งออกไปยังเม็กซิโกอีกมาก เช่น สินค้าเฟอร์นิเจอร์แบบน็อคดาวน์ เครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็กต่าง ๆ 

“รัฐบาลให้ความสำคัญกับการเปิดเสรีทางการค้าโดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก และต้องดำเนินการอย่างรอบคอบ จึงได้ศึกษาและเปิดรับฟังข้อเสนอแนะจากหลายฝ่าย เพื่อเตรียมความพร้อมในการจัดทำ FTA กับกลุ่ม PA ซึ่งจะเป็นอีกช่องทางสำคัญ ต่อยอดโอกาสการค้าการลงทุนในภูมิภาคลาตินอเมริกาได้มากขึ้น โดยมีสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ที่ครอบคลุมทุกประเภทของสินค้า ลดอุปสรรคทางการค้าและการลงทุน สร้างรายได้ให้กับผู้ประกอบการไทย และยังเพิ่มความสามารถ และสมรรถนะในการแข่งขัน ส่งออกแก่สินค้าไทยให้เป็นที่นิยมในตลาดโลกต่อไป” นางสาวรัชดาฯ กล่าว