posttoday

กระทรวงกลาโหมปูทางปรับลดกำลังพล เตรียมบังคับใช้สูตร “เกษียณตามชั้นยศ”

12 มีนาคม 2566

จับตา "กระทรวงกลาโหม" เตรียมใช้โครงการ “เกษียณราชการตามชั้นยศ” หนึ่งในสูตรปรับลดกำลังพล สอดคล้องแผนแม่บทปฎิรูปกองทัพ หวังดึงศักยภาพบุคลากร

เร็วๆ นี้ “กระทรวงกลาโหม” เตรียมประกาศใช้ โครงการ “เกษียณราชการตามชั้นยศ” หนึ่งในรูปแบบการปรับลดกำลังพล เพื่อให้สอดคล้องกับแผนแม่บทการปฏิรูปการบริหารจัดการและการปรับปรุงโครงสร้างกองทัพปี 2560-2569 ควบคู่ไปกับการพัฒนาขีดความสามารถบุคลากรในกองทัพ

 

หลังจากกระทรวงกลาโหมได้ศึกษาโครงการเกษียณราชการตามชั้นยศของกองทัพต่างประเทศ และนำมาประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับกองทัพไทย ด้วยการกำหนดกฎเกณฑ์ หลักการประเมินกำลังพลของแต่ละเหล่าทัพให้ได้มาตรฐานใกล้เคียงกัน เพื่อนำเข้าหารือกับคณะกรรมการข้าราชการทหาร (กขท.) ที่มี พล.อ.สนิทชนก สังขจันทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม เป็นประธาน และกรรมการจากผู้แทนเหล่าทัพ

 

ก่อนจะขออนุมัติหลักการนำเข้าสู่ “สภากลาโหม” ที่มี รมว.กลาโหม เป็นประธาน พิจารณาเห็นชอบ เสนอใช้แผนการปรับลดกำลังพลโครงการเกษียณราชการตามชั้นยศ จากนั้นให้แต่ละเหล่าทัพจัดตั้งคณะกรรมการของแต่ละหน่วยขึ้นมา ประเมินว่า หน่วยนั้นๆ มีกำลังพลเกินความจำเป็น ควรเอาออกจำนวนเท่าไหร่

 

พล.อ.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยกับ “กรุงเทพธุรกิจ” ถึงประเด็นนี้ว่า จากสภาพแวดล้อมและบริบททางสังคมเปลี่ยนแปลงไป มีการนำเทคโนโลยีมาใช้ และทำงานร่วมกันมากขึ้น กองทัพถือเป็นหน่วยงานของรัฐ และเป็นองค์กรขนาดใหญ่ที่ต้องปรับตัว เพราะงบประมาณที่ใช้ เป็นงบประมาณด้านบุคลากร 50% ซึ่งมากพอสมควร ดังนั้นการปรับลดคนถือเป็นส่วนสำคัญ

 

“กองทัพเป็นองค์กรลักษณ์สามเหลี่ยมซ้อนในสี่เหลี่ยม การรับคนเข้ามาในช่วงแรกมีจำนวนมาก ถ้าปล่อยให้เกษียณตามระบบ คืออายุ 60 ปี องค์กรจะกลายเป็นสี่เหลี่ยม มีส่วนเกิน แล้วจะทำอย่างไรให้คนมีประสิทธิภาพในการทำงาน ไม่ใช่อยู่กันไปจนเกษียณ บางคนไม่มีประสิทธิภาพ ทำให้งานที่จะได้กับกองทัพ หรืองานที่ตอบสนองต่อภาษีประชาชนไม่มีคุณภาพไปด้วย”

 

พล.อ.คงชีพ ย้ำว่า เมื่อภาพกองทัพเป็นเช่นนี้ เรื่องของเกษียณตามชั้นยศจึงตามมา โดยได้ศึกษารูปแบบของกองทัพหลายประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา สวีเดน สเปน สิงคโปร์ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ นำมาปรับใช้เพื่อให้ตอบโจทย์ ว่าเราจะแก้ปัญหาความแออัดของคนในกองทัพ และเอาคนส่วนเกินนี้ออกอย่างไร เพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการบริหารมากขึ้น 

 

นั่นคือ เปิดตำแหน่ง ให้คนที่มีประสิทธิภาพได้เติบโต ให้โอกาสคนรุ่นใหม่หมุนเวียนกันเข้ามาเป็นผู้บริหารระดับสูงของกองทัพ ส่วนคนที่มีความสามารถต่ำกว่า จะไม่มีโอกาสขึ้นมาปกครองคนที่มีความสามารถสูง ซึ่งจะดำเนินการใน 3 ระดับ ระดับฐาน ระดับกลาง ระดับบน

 

1.ครบตามวาระการปฏิบัติในหน้าที่ตัวเอง ในกองทัพต่างประเทศหาก ผบ.เหล่าทัพ อยู่ในวาระเกิน 2 ปี ถือว่าครบวาระ ก็ต้องเกษียณ ไม่มีปีที่ 3 ที่ 4 อย่างเช่น สิงคโปร์ แต่ถ้าเก่งจริง จะต่ออายุราชการให้ แต่ต้องขึ้นเป็นผบ.ทหารสูงสุด ซึ่ง จะใช้กับผู้นำสูงสุดของแต่ละเหล่าทัพ

2. ครบวาระการปฏิบัติหน้าที่ตามสัญญาที่ได้ทำไว้กับกองทัพ เช่น เริ่มรับราชการ กองทัพจะจ้างสูงสุดเพียง ซี 8 หรือ พันเอกพิเศษ เมื่อครบตามสัญญา ต้องออกจากราชการไป

 

3. ไม่สามารถทำการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ก็ต้องเกษียณออกไป เช่น ประเมินแล้วไม่ผ่าน ประสิทธิภาพ ทั้งสภาพร่างกายและจิตใจ เช่นกำลังพลที่นำอาวุธออกไปแล้วทำให้เกิดความวุ่นวายและเดือดร้อนต่อประชาชน

4.ความรู้ ความสามารถ ศักยภาพมางร่างกาย เช่น ร่างกายไม่ฟิต ปล่อยเนื้อปล่อยตัว อ้วน ทดสอบร่างกายไม่ผ่าน

5.สมัครใจ จูงใจให้ออก

 

เมื่อถามว่า จะบังคับใช้ได้เมื่อไหร่ ในปี 2570 เห็นเป็นรูปธรรมหรือไม่ พล.อ.คงชีพ ระบุว่า ถือเป็นเครื่องมือหนึ่งที่จะหยิบมาใช้เมื่อไหร่ก็ได้ เมื่อประกาศใช้แล้ว ไม่อยากให้กำลังพลตื่นตระหนก จะช้าหรือเร็วเราหลีกเลี่ยงเรื่องเหล่านี้ไม่ได้ 

 

ทั้งนี้ หากไม่ปรับโครงสร้างกองทัพ ที่ปัจจุบันมีขนาดใหญ่เกินไป และใช้งบกำลังพลกับค่อนข้างสูง และหากไม่รีบปรับตัว ไม่เข้าใจสภาพแวดล้อมหรือบริบททางสังคมที่เปลี่ยนไป ย่อมส่งผลให้กองทัพจะเป็นหน่วยงานรัฐที่ไม่สามารถตอบสนองกลไกของประเทศที่จะนำไปสู่การแข่งขันได้

 

รวมถึงย้ำว่า ไม่ใช่เรื่องที่ต้องไปเสียขวัญกำลังใจ กลับเป็นเรื่องดีด้วยซ้ำที่กองทัพจะได้พัฒนาตัวเอง ได้เตรียมความพร้อม เพราะทหารต้องมีความแข็งแรงทั้งร่างกายและจิตใจ และมีความรู้ความสามารถสูง ต้องเรียนรู้ พัฒนาตัวเองตลอดเวลา 

 

นอกจากนี้ยังต้องยอมรับความจริงว่าคนที่มีปัญหาทางร่างกายและจิตใจ หากรักษาไม่หาย ก็ต้องเกษียณราชการตามชั้นยศ จึงต้องพูดกันตรง ๆ ว่า หากรู้ล่วงหน้าก็จะได้เตรียมการได้ต่อไปนี้

 

1. กำลังพลต้องเตรียมวางแผนชีวิต ประเมินตัวเองว่าอยู่ในเงื่อนไขใด 1 ใน 5 ข้อที่ระบุไว้    

2. ต้องศึกษาและประเมินว่าตัวเองอยู่ในเกณฑ์ใด 

3. ต้องตื่นตัวในการเพิ่มเติมความรู้ พัฒนาตัวเองให้มากขึ้น ข้าราชการประเภทเช้าชามเย็นชามก็จะหายไป 

4. ควรเตรียมอาชีพสำรองไว้ด้วย 

5. ข้าราชการใหม่ที่เข้ามาต้องอยู่ในกรอบสัญญาและกฎกติกาของกองทัพที่กำหนด ซึ่งต้องยอมรับกับกฎเกณฑ์ที่จะเกิดขึ้นด้วยว่า จะรับราชการถึงจุดไหน

 

พล.อ.คงชีพ ยังระบุด้วยว่า กองทัพไม่ได้ลอยแพกำลังพลที่เข้าโครงการเกษียณราชการตามชั้นยศ แต่จะหาช่องทางร่วมกับภาคเอกชน รัฐวิสาหกิจ รองรับบุคคลเหล่านี้เข้าทำงาน เช่นเดียวกับ กองทัพเยอรมัน การเกษียณราชการของทหาร สามารถโยกข้ามไปทำงานในภาคอุตสาหกรรม เพราะภาคเอกชนมีความต้องการ เนื่องจากเป็นคนที่ได้รับการฝึก มีระเบียบวินัยเป็นอย่างดี จะตอบโจทย์

 

อย่างไรก็ตาม โครงการเกษียณราชการตามชั้นยศ เป็นเครื่องมือหนึ่ง ที่กระทรวงกลาโหมจะนำมาเป็นตัวเสริม เพื่อให้การปรับลดกำลังพลเดินตามแผนแม่บทการปฏิรูปการบริหารจัดการ และการปรับปรุงโครงสร้างกองทัพปี 2560-2569 หลังล่าช้าพอสมควร 

 

โดยโครงการดังกล่าว จะประกาศใช้เฉพาะช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง เพื่อให้กองทัพเข้าที่เข้าทาง หรืออยู่บนพื้นฐานที่ควรจะเป็น

ข่าวล่าสุด

เปิด Top 3 ดวงขึ้นแรงสุด 12 นักษัตร นักธุรกิจ ใครปัง รับปีม้าไฟ