สามีของหยาดทิพย์ ถูก ปปง. ยึดเพนท์เฮ้าส์ พบเอี่ยวรับซื้อทรัพย์สิน Forex-3D

ความคืบหน้าคดี Forex 3D ซึ่งมีผู้เสียหายและมูลค่าความเสียหายที่เกิดจากการหลอกลวงเป็นจำนวนมาก และกรมสอบสวนคดีพิเศษ มีการตรวจค้น ยึด และอายัดทรัพย์สินจากคดีแชร์ หรือที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดจำนวนหลายรายการ 

ล่าสุด รายงานข่าวระบุว่า หลังจากดีเอสไอส่งมอบบัญชีทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดจากฐานคดีแชร์ Forex-3D มาให้ทางปปง. ดำเนินคดีทางแพ่ง

พบว่ามีรายการทรัพย์สิน เพนท์เฮ้าส์ มูลค่ากว่า 200 ล้านบาท ซึ่งตั้งอยู่ภายในซอยสุขุมวิทของ นายรามา รัศมีรามา หรือ เมฆ" สามีนักแสดงสาว "หยาดทิพย์ ราชปาล"

ทางปปง. จึงได้ดำเนินการยึด อายัดไว้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งเป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดของนายอภิรักษ์ โกฎธิ อดีตผู้บริหาร Forex-3D ที่ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร 

โดยเพนท์เฮ้าส์หรูดังกล่าว เป็นหนึ่งในบัญชีทรัพย์สินที่ดีเอสไอได้ประสานส่งมอบกับสำนักงาน ปปง. เพื่อดำเนินการในคดีแพ่งมาอย่างต่อเนื่อง ส่วนประเด็น การแจ้งข้อหาฟอกเงินแก่นายรามา หรือไม่ ขณะนี้คดีอยู่ระหว่างขั้นตอนของศาล 

โดยเมฆ รามา รัศมีรามา อายุ 36 ปี เป็นนักธุรกิจและเจ้าของโรงแรมแห่งหนึ่งในจังหวัดภูเก็ต ซึ่งก่อนนี้ไม่เคยมีประวัติด้านการทำธุรกิจอื่นใด ซึ่งเขาเริ่มคบหากับนักแสดงสาว "หยาดทิพย์" ในช่วงปี 2563 จากการแนะนำของเพื่อน

ภายหลังหยาดทิพย์จึงเริ่มเปิดตัว ก่อนที่ทั้งสองจะตัดสินใจใช้ชีวิตคู่ร่วมกันโดยกำหนดจัดงานแต่งงานเดือนเมษายน 2564 แต่ด้วยสถานการณ์ โควิด-19 ทำให้ต้องยกเลิกงานกะทันหัน และทายาทเป็นลูกสาว 1 คน ตั้งชื่อว่า "น้องเมย่า" 

อย่างไรก็ตาม ก่อนนี้ชื่อของ เมฆ รามา ได้ปรากฏตามสื่อหลังจากที่เพจรวบรวมผู้โดนโกง จาก Forex 3D ได้แฉข้อมูลว่า สามีของหยาดทิพย์ มีชื่อเป็นนอมินีให้ “อภิรักษ์ โกฎธิ” ซีอีโอ FOREX-3D

ด้วยมีการโยกย้ายคอนโดเพ้นต์เฮ้าส์หรูในซอยสุขุมวิท มูลค่า 250 ล้าน และชื่อนอมินีที่รับทรัพย์สินดังกล่าวก็คือสามีของหยาดทิพย์นั่นเอง ก่อนที่ต่อมา เมฆ รามา ชี้แจงว่าเรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง เพราะตัวเขาเองก็ตกเป็นหนึ่งในผู้เสียหายเช่นกัน

สำหรับเพนเฮาส์ที่เป็นข่าวนั้น ตัวเขาได้รับซื้อฝากมาจากนายอภิรักษ์เมื่อปี 2562 ก่อนนายอภิรักษ์ถูกดำเนินคดี โดยที่ไม่ทราบมาก่อนเลยว่านายอภิรักษ์จะเกี่ยวข้องกับการฉ้อโกงประชาชนครั้งนี้ ซึ่งได้มีนายหน้ามาเสนอขายให้กับตัวเขา

ทั้งนี้ในฐานะนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เมื่อเห็นว่าราคาดี ทำกำไรได้จึงสนใจซื้อไว้ ซึ่งขณะนั้นก็ตรวจสอบไม่พบความผิดปกติแต่อย่างใด รวมถึงได้ตรวจสอบจนแน่ใจว่าไม่มีอะไรไม่ถูกต้องจึงตกลงทำการขายฝากกัน ซึ่งในการติดต่อพูดคุยเกี่ยวกับการขายฝากก็ได้ทำผ่านนายหน้าของทั้งสองฝ่าย ไม่ได้ติดต่อกับนายอภิรักษ์โดยตรง