posttoday

“จุรินทร์” เข้ม แก้ปัญหาลานเท โรงสกัดหยุดรับซื้อปาล์มสำเร็จ

23 มกราคม 2566

ดัน ราคาปาล์ม พุ่ง 5 บาทกว่า/กก.ดีขึ้นกว่าช่วงสัปดาห์แรกของต้นปีที่มีการหยุดรับซื้อ พร้อมชู พรบ.ปาล์มยั่งยืน ดูแลครบวงจร ทั้งต้นน้ำ-กลางน้ำ-ปลายน้ำ

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า สถานการณ์ที่ลานเท โรงสกัดงดรับซื้อผลปาล์มในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมายุติแล้วโรงสกัดทั้ง 131 โรงและลานเททั้งหมด 3,117 ลานเท ได้เปิดรับซื้อผลปาล์มจากเกษตรกรแล้ว ปัญหาจราจรติดขัดและปัญหาเรื่องอื่นๆคลี่คลายทั้งหมด 100% แล้ว

 

ส่งผลให้ราคาผลปาล์มปรับตัวดีขึ้นไปอยู่ที่ 5 บาทกว่า ซึ่งดีขึ้นกว่าช่วงสัปดาห์แรกของต้นปีที่มีการหยุดรับซื้อในบางลานเทและบางโรงสกัดเพราะช่วงปลายปีกับต้นปี ผลผลิตปาล์มปกติจะออกน้อย แต่ปีนี้ออกเยอะเป็นพิเศษเกษตรกรเร่งตัดปาล์มมากกว่าทุกปี ประกอบกับช่วงต้นปีโรงสกัดปิดซ่อมเครื่องจักรเพราะผลปาล์มน้อย เป็นเหตุผล 2 ข้อ ที่ประดังเข้ามาทำให้มีการหยุดรับซื้อ หลังตนสั่งการแก้ปัญหาทั้งหมดตอนนี้คลี่คลายแล้ว 
 

 

สำหรับการแก้ปัญหาระยะยาว สิ่งที่อยากเห็นคือ อยากเห็น พรบ.ปาล์มยั่งยืนเกิดขึ้น มีสาระสำคัญคือ 1.จะช่วยให้มีกองทุนสงเคราะห์การทำสวนปาล์มเกิดขึ้น เช่นเดียวกับกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง 2.มีการจัดทำโครงสร้างกำกับราคาที่เป็นธรรมกับทุกฝ่าย ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำและปลายน้ำ 3. มีกฎเกณฑ์กติกากำกับดูแลเรื่องปาล์มครบวงจรเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และมีมาตรการให้ปาล์มมีความยั่งยืน เป็นประโยชน์ด้านเศรษฐกิจที่ครบวงจรต่อไป

 

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ได้มีการเสนอกฎหมายนี้เข้าสู่ที่ประชุมสภาแล้ว อย่างน้อยผู้แทนราษฎรพรรคประชาธิปัตย์เป็นส่วนหนึ่งในการเสนอเรื่องนี้ ขณะนี้อยู่ที่รัฐบาลเป็นกฎหมายเกี่ยวกับการเงินเพราะมีการจัดตั้งกองทุนต้องรอนายกฯให้คำรับรองเสียก่อนจึงจะเข้าสู่การพิจารณาของสภาได้

 

ด้านตัวเลขการส่งออกตนนำคณะเอกชนไปอินเดีย 2 ครั้ง เพื่อเปิดตลาดน้ำมันปาล์มของไทย ทำให้ตัวเลขการส่งออกในช่วง 2 เดือนเพิ่มขึ้น 600 กว่าเปอร์เซ็นต์ พระราชบัญญัติปาล์มยั่งยืนจะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยดูแลในระยะยาวทั้งระบบครบวงจร  ตอนนี้มีคณะอนุกรรมการบริหารจัดการสมดุลน้ำมันปาล์ม เข้ามาดูแลโดยมีอธิบดีกรมการค้าภายในเป็นประธาน เพื่อพิจารณาการสนับสนุนการส่งออกน้ำมันปาล์มกิโลกรัมละ 2 บาทหรือไม่ เงื่อนไขสต๊อกน้ำมันปาล์มในประเทศเดิมกำหนดไว้ต้องเกิน 300,000 ตัน จะเร่งระบายส่งออกช่วยอุดหนุนกิโลกรัมละ 2 บาท

 

แต่ราคาน้ำมันปาล์มต่างประเทศจะต้องถูกกว่าในประเทศด้วย ให้ไปแข่งขันต่างประเทศได้ ขณะนี้กำลังมีมติปรับลดสต๊อกลงมาไม่ต้องถึง 300,000 ตัน ให้ถึง 250,000-300,000 ตันก็เพียงพอ ทั้งหมดนี้เพื่อเร่งรัดการส่งออกและดึงราคาในประเทศ กรรมการจะมีทั้งฝ่ายราชการ เอกชนและตัวแทนเกษตรกรด้วย ทุกฝ่ายต้องช่วยกันรักษาผลประโยชน์ให้กับเกษตรกรด้วย