posttoday

“จุรินทร์”บุกบรัสเซลล์ ตั้งเป้าทำ FTA ไทย-อียู ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ไทย

23 มกราคม 2566

หลังคาดหวังกันมายาวนานแต่ยังไม่บรรลุผล เหตุติดขัดเรื่องการเจรจาช่วงตั้งแต่ปี 2557 ก่อนที่รัฐบาลชุดนี้และตนมารับผิดชอบกระทรวงพาณิชย์

วันที่ 23 มกราคม 2566 เวลา 11.45 น. นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวประเด็นการเดินทางเยือนกรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม เพื่อเร่งการเจรจา FTA ไทย-สหภาพยุโรป(อียู) ที่ห้องกิติยากรวรลักษณ์ กระทรวงพาณิชย์
 

 

นายจุรินทร์ กล่าวว่า เรื่อง FTA ไทยกับสหภาพยุโรปเป็นเรื่องที่เราคาดหวังกันมายาวนานแต่ยังไม่บรรลุผล เพราะติดขัดเรื่องการเจรจาช่วงตั้งแต่ปี 2557 ก่อนที่รัฐบาลชุดนี้และตนมารับผิดชอบกระทรวงพาณิชย์

 

ขณะนี้มีแนวโน้มที่ดี มีโอกาสเป็นไปได้ที่จะเริ่มต้นการเจรจาอย่างเป็นทางการ ในการจัดทำ FTA ไทย-อียู อาจเกิดขึ้นได้ เป็นที่มาที่ตนต้องเดินทางไปเยือนบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม ซึ่งเป็นเมืองหลวงของสหภาพยุโรปพบกับรองประธานคณะกรรมาธิการด้านการค้าของสหภาพยุโรป (นายวัลดิส ดอมโบรฟสกิส) หรือตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีการค้าของรัฐบาลสหภาพยุโรป

 

โดยจะเดินทางไป 2 วัน ในวันที่ 25-26 มกราคมนี้ เพื่อพบและประชุมร่วมกันในการแสดงเจตจำนงทางการเมืองทั้งสองฝ่าย ตนจะเป็นตัวแทนประเทศไทยแจ้งความจำนงว่าประเทศไทยรวมทั้งกระทรวงพาณิชย์ของไทย มีความพร้อมที่จะทำ FTA ระหว่างไทยกับสหภาพยุโรป ถ้าสหภาพยุโรปเห็นพ้องต้องกันแต่ละประเทศจะได้กลับมาดำเนินการตามขั้นตอนกระบวนการของแต่ละประเทศต่อไป 
 

 

“จะประสบความสำเร็จหรือไม่ขึ้นอยู่กับการประชุมและการเจรจาที่ตนเดินทางไป ซึ่งตั้งความหวังว่าจะสำเร็จจะได้เริ่มนับหนึ่ง FTA ไทย-อียู เป็น FTA ที่ภาคเอกชนมีความประสงค์และต้องการมานานแต่ยังไม่บรรลุผล ถ้าประสบความสำเร็จจะช่วยเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างไทยกับสหภาพยุโรปได้มากขึ้นอย่างแน่นอน โดยเฉพาะโอกาสทางการค้าจะส่งออกสินค้าไปยังประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปจะมีตัวเลขที่ดีขึ้น เป้าหมายภาษีระหว่างกันเป็นศูนย์ ทำให้ได้แต้มต่อประเทศคู่แข่งที่ไม่มี FTA กับสหภาพยุโรป 27 ประเทศ  โดยจะพยายามทำให้ดีที่สุด ให้มีโอกาสสำเร็จ จะเป็นการสร้างอนาคตให้กับประเทศด้วยต่อไป” รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กล่าว

 

จากข้อมูลของกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศระบุว่า ในปี 2565 อียูเป็นคู่ค้าสำคัญของไทยอันดับที่ 5 รองจากอาเซียน จีน สหรัฐฯ และญี่ปุ่น โดยมีมูลค่าการค้าระหว่างกัน 41,038.06 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (1.46 ล้านล้านบาท) คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 6.95 ของการค้าไทยกับโลก โดยไทยส่งออกไปอียู 22,794.40 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (8.10 แสนล้านบาท) สินค้าส่งออกหลัก ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ อัญมณีและเครื่องประดับ เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์ยาง และแผงวงจรไฟฟ้า และนำเข้าจากอียู มูลค่า 18,243.66 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (6.48 แสนล้านบาท) สินค้านำเข้าหลัก ได้แก่ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์เวชกรรมและเภสัชกรรม เคมีภัณฑ์ เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ และเครื่องมือเครื่องใช้เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ การแพทย์