posttoday

คืบหน้ารล.สุโขทัยอับปาง ช่วยลูกเรือได้เพิ่ม1เหลืออีก30นาย

20 ธันวาคม 2565

ปฏิบัติการค้นหาลูกเรือ รล.สุโขทัยอับปาง คืบหน้า พบ1ราย สลบคาชูชีพกลางทะเล เรือหลวงกระบุรีช่วยชีวิตไว้ได้นำขึ้นฝั่งแล้วเหลืออีก30นาย ญาติทหารเฝ้ารอฟังข่าวการให้ความช่วยเหลือ

พล.ร.ท.วิชัย ล้อชูสกุล ผู้บัญชาการกองทัพเรือภาคที่ 1 พร้อมด้วยนายทหารระดับผู้บังคับบัญชา ได้เดินทางไปที่ท่าเทียบเรือน้ำลึกบางสะพาน เพื่อรอรับเรือหลวงกระบุรี ที่ปฏิบัติการค้นพบลูกเรือ ของเรือหลวงสุโขทัย จำนวน 1 นาย นำมาส่งขึ้นฝั่งที่ท่าเทียบเรือบางสะพาน 

จากการตรวจสอบผู้ได้รับการช่วยเหลือเป็นทหารคนแรก สภาพอิดโรย เนื่องจากคลื่นลมในทะเลแรงมาก ซัดร่างลอยไปมาจนหมดแรงและหมดสติแต่ยังใส่เสื้อชูชีพไว้ จนกระทั่งเรือรบหลวงกระบุรี ไปพบช่วยนำขึ้นมาบนเรือทำการปฐมพยาบาลจนฟื้นคืนสติที่บริเวณศีรษะมีบาดแผลจากการกู้เรือหลวงสุโขทัยขณะใกล้อับปาง  

พล.ร.ท.วิชัย เปิดเผยว่า การทำลูกเรือดังกล่าวทำให้มีทหารที่สูญหาย 30 นาย

ทั้งนี้ กองทัพเรือ ได้สั่งการให้ เรือหลวงอ่างทอง  เรือหลวงภูมิพล ออกค้นหาตลอด 24 ชั่วโมง  ซึ่งในวันนี้ พล.ร.อ.เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ ได้มาตรวจเยี่ยม และให้นโยบายไว้ชัดเจน ว่าเราจะต้องช่วยให้ได้ครบทุกคน แล้วก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่า อยากจะให้ทุกคนปลอดภัย  การค้นหาและการช่วยเหลือ เราจะต้องทราบทิศทางการเคลื่อนที่ของกระแสน้ำ และกระแสลม ว่ามีความเร็วเท่าไหร่ รวมทั้งสภาพอากาศแวดล้อมในการค้นหา ซึ่งทั้งหมดจะต้องถูกนำมาประมวลรวมกัน 

สำหรับกำลังพลบนเรือหลวงสุโขทัย มีทั้งหมด 105 นาย โดยกว่า 70 คน เป็นกำลังพลประจำเรือ เช่น ผู้การเรือ รองผู้การเรือ ต้นเรือ ช่างเครื่อง กำลังพลประจำหมวดปืน กำลังพลกราบซ้าย กำลังพลกราบขวา อีกกว่า 30 คน ไม่ใช่กำลังพลประจำเรือ แต่มาจาก หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง (สอ.รฝ.) และหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน (นย.) ส่วนที่สูญหาย 30 นาย มีทั้ง กำลังพลประจำเรือ สอ.รฝ. นาวิกโยธิน และพลทหาร

"ผู้การเรืออยู่บนเรือ และรอดชีวิตจากการจมน้ำมาเหมือนกัน และได้ทำหน้าที่ครบถ้วนอย่างสมบูรณ์ ส่วนผู้สูญหาย ตราบใดที่ยังไม่เจอ เรายังมีความหวังว่าทั้ง 30 นาย ยังมีชีวิต เราจะค้นหาวันต่อวันจนกว่าจะเจอ ควบคู่ประเมินสถานการณ์เป็นระยะ"
 

ผู้บัญชาการกองทัพเรือภาคที่ 1 กล่าวว่า สำหรับระบบความปลอดภัยของเรือ จะมีการปฏิบัติเป็นขั้นตอน ผู้การเรือก็ทำหน้าที่ควบคุม กำลังพลทุกนาย จะมีหน้าที่ของตัวเอง ซึ่งวันเกิดเหตุกระแสลมน่าจะมากถึง 30-40 น๊อต คลื่นลมแรงมาก จึงประสบอุบัติเหตุ ซึ่งคนที่ไปช่วยก็จะมองไม่เห็น เพราะลักษณะของคลื่น มันจะย่อ(ย่อลง) ทำให้เรือที่เข้าไปช่วย มองไม่เห็น อีกทั้งเรือที่เข้าไปก็บังคับยากมาก ค่อนข้างอันตราย แต่ก็เข้าไปช่วย โดยต้องการช่วยคนเป็นหลักก่อน ส่วนเรือจะพยายามช่วยเป็นระดับรองลงมา  

อย่างไรก็ตาม ในการใช้เฮลิคอปเตอร์ขึ้นตรวจการก็ยาก เพราะคลื่นใหญ่ อากาศฟุ้ง จึงได้สั่งการให้ชุดประดาน้ำของกองทัพเรือ ขึ้นไปกับเฮลิคอปเตอร์ เพื่อค้นหาผู้ที่ลอยคออยู่ในทะเลอ่าวไทย หากตรวจพบให้ดร๊อปนักประดาน้ำลงไปให้การช่วยเหลือ เพื่อนำตัวลูกเรือที่ประสบเหตุขึ้นเฮลิคอปเตอร์

ทั้งนี้ กองทัพเรือ ยังได้เปิดศูนย์ประสานงานในพื้นที่บางสะพาน เพื่อให้ญาติทหารที่สูญหาย ได้เดินทางมาประสานกับทีมงานของกองทัพเรือ โดยมีบรรดาญาติพี่น้องของทหารที่สูญหาย ต่างทยอยกันเดินทางมาสอบถามความคืบหน้า ในการค้นหา และการช่วยเหลือ   

คลื่นลมแรงไม่เคยเจอมาก่อนจำต้องสละเรือ

พลเรือเอก อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ กล่าวว่า นาวาโท พิชิตชัย  เถื่อนนาดี ผู้บังคับการเรือหลวงสุโขทัย รายงานว่า เรือออกจากสัตหีบ และลอยลำอยู่กลางทะเล 1 วัน จากนั้นก็เจอพายุที่มีคลื่นลมแรงมาก ผู้การเรือฯ ยืนยันว่าในรอบ 10 ปีไม่เคยเจอมาก่อน และระหว่างนั้นได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาตามลำดับ ครบทุกขั้นตอน พร้อมแจ้งขอเดินเรือกลับสัตหีบ แต่ไม่สามารถดำเนินการได้ เนื่องจากติดปัญหาคลื่นลมแรง จึงขอเข้าจอดจุดหลบที่บางสะพาน แต่ไปไม่ถึงเป้าหมาย

"เหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วมาก เริ่มจากกราบเรือด้านซ้ายเอียงก่อน ทำให้ไม่สามารถปล่อยแพชูชีพได้ ในขณะที่กราบขวาก็เผชิญกับคลื่นลมแรงอีก การเปิดใช้แพชูชีพ เป็นไปค่อนข้างลำบาก ผู้การเรือฯ ยืนยันว่า ได้ทำตามทุกขั้นตอนแล้ว พยายามเต็มที่ในการแก้ปัญหาในนาทีวิกฤติ แล้วประคองเรือไม่ให้จมจนสุดความสามารถ และสุดท้ายต้องสละเรือ"