posttoday

กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ เพื่อกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ

11 กรกฎาคม 2559

โดย...ผศ.ดร.ปริยดา สุขเจริญสิน

โดย...ผศ.ดร.ปริยดา สุขเจริญสิน

กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (Retirement Mutual Fund) และกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (Provident Fund) ต่างมีวัตถุประสงค์เพื่อการเก็บออมเงินเพื่อยามเกษียณทั้งคู่ โดยมีรูปแบบของการออมที่แตกต่างกัน ซึ่งเมื่อวันที่ 20 พ.ย. 2558 ที่ผ่านมา สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้ประกาศกฎเกณฑ์ใหม่เพิ่มเติม ภายใต้พระราชบัญญัติกองทุนสํารองเลี้ยงชีพ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2558 ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่มีความหมายกับชีวิตมนุษย์เงินเดือน

กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หรือ PVD นั้น เป็นช่องทางหนึ่งในการออมเงินของมนุษย์เงินเดือน โดยการสะสมเงินจำนวนหนึ่งจากเงินเดือนประจำตามสัดส่วนที่กำหนดไว้ ซึ่งแต่ละบริษัทจะมีนโยบายในการสมทบเพิ่มเติมในส่วนของนายจ้างที่แตกต่างกัน โดยมีการพิจารณาอายุงานประกอบ ทั้งนี้ บริษัทจะมีการนำเงินเหล่านี้ไปลงทุนตามนโยบายที่ลูกจ้างประสงค์ ในขณะที่กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ หรือ RMF เป็นกองทุนที่จัดตั้งขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมวินัยในการออม โดยมีมาตรการลดหย่อนภาษีมาจูงใจ ซึ่งแต่ละคนสามารถเลือกลงทุนกับกองทุนรวมของบริษัทจัดการใดก็ได้ตามความประสงค์ แต่จะขายคืนได้ก็ต่อเมื่ออายุครบ 55 ปี โดยลงทุนมาไม่น้อยกว่า 5 ปีตามข้อกำหนดเรื่องการลดหย่อนภาษี ซึ่งนับว่ากองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพเป็นการเพิ่มโอกาสในการออมเงินนอกเหนือไปจากเงินออมในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ

ปัญหาอย่างหนึ่งของ PVD คือ แม้ว่าบริษัทอาจมีทางเลือกให้กับลูกจ้างในเรื่องของนโยบายการลงทุนที่แตกต่างกันออกไป แต่ก็ยังจำกัดอยู่ระดับหนึ่งตามที่บริษัทกำหนดหรือเลือกไว้ ต่างจาก RMF ซึ่งทางเลือกการลงทุนมีหลากหลายให้แต่ละคนได้ตัดสินใจเลือกตามระดับผลตอบแทนและระดับความเสี่ยงที่ตนต้องการ รวมถึงความถี่ในการให้โอกาสลูกจ้างเปลี่ยนนโยบายการลงทุนใน PVD ก็ต่างกันไปในแต่ละบริษัท ซึ่งต่างจาก RMF ที่สามารถลงทุนเมื่อใดก็ได้ รวมถึงสามารถสับเปลี่ยนกองทุนได้ตามต้องการ จึงเห็นได้ว่า RMF มีความยืดหยุ่นมากกว่า และอีกประเด็นหนึ่งคือเรื่องจำนวนเงินภายใต้ PVD นั้น เมื่อลูกจ้างมีการสะสมเงินเข้ากองทุน นายจ้างจะสมทบเงินเข้าไปในกองทุนด้วย แต่มีข้อจำกัดที่ลูกจ้างไม่สามารถสะสมเงินได้เกินกว่าสัดส่วนที่นายจ้างสมทบ ทำให้เกิดข้อจำกัดในเงินออมส่วนนี้ที่ลูกจ้างไม่สามารถออมเงินได้มากเท่าที่ใจต้องการ

ดังนั้น ภายใต้พระราชบัญญัติกองทุนสํารองเลี้ยงชีพฉบับใหม่ จึงได้เปิดโอกาสให้ลูกจ้างสามารถออมในอัตราที่สูงขึ้นและมากกว่าที่นายจ้างสมทบได้ ซึ่งการเพิ่มอัตราการออมที่สูงขึ้นนี้ เป็นการส่งเสริมให้มีเงินออมเพียงพอสำหรับไว้ใช้หลังเกษียณ ควบคู่ไปกับการประหยัดภาษี เพราะเงินสะสมเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพนั้นสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้

นอกจากนี้ ปัญหาอีกอย่างหนึ่งของ PVD คือ เมื่อลูกจ้างสิ้นสุดการทำงานกับบริษัท ไม่ว่าจะเพราะลาออก เปลี่ยนงานแต่นายจ้างใหม่ไม่มีกองทุน ลูกจ้างเปลี่ยนอาชีพไปประกอบอาชีพอิสระ โดนเลิกจ้าง
หรือเกิดกรณีที่นายจ้างยกเลิกกองทุนโดยอาจไม่เลิกกิจการ จะส่งผลให้ลูกจ้างสิ้นสมาชิกภาพ ซึ่งแม้ว่าในช่วงแรกจะยังสามารถคงเงินไว้ในกองทุนได้ต่อในระยะสั้นๆ ตามข้อบังคับกองทุน แต่ก็ไม่เกินระยะเวลา 6 เดือน หรือ 1 ปี ก็ต้องนำเงินก้อนที่สะสมไว้พร้อมทั้งผลประโยชน์ออกมา ทำให้ลูกจ้างรายนั้นเสียโอกาสที่จะออมเงินเพื่อวัยเกษียณในส่วนนี้อย่างต่อเนื่อง เพราะถ้าหากนำเงินออกมาเร็วกว่ากำหนดเงินอาจจะถูกนำไปใช้จ่าย ไม่บรรลุเป้าหมายการออมเพื่อการเกษียณ

ภายใต้พระราชบัญญัติกองทุนสํารองเลี้ยงชีพฉบับใหม่นี้ จึงได้เปิดโอกาสของการออมให้ต่อเนื่องยิ่งขึ้น โดยสมาชิกกองทุนที่มีเหตุให้สิ้นสมาชิกภาพและเป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนดนั้น สามารถโอน
เงินจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพที่สะสมอยู่ ไปลงทุนต่อเนื่องในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพได้ (RMF for PVD) นั่นคือ เปิดช่องทางให้โอนเงินจาก PVD ไปออมต่อระยะยาวใน RMF ได้ แต่ต้องเป็น RMF ที่ระบุในหนังสือชี้ชวนอย่างชัดเจนว่าเป็น RMF ที่รับโอนเงินจาก PVD ได้เท่านั้น (RMF for PVD) เนื่องจากต้องมีระบบจัดเก็บข้อมูลเพื่อสิทธิประโยชน์ทางภาษีต่างจาก RMF ปกติ

สำหรับลูกจ้างที่โอนเงินจาก PVD ไป RMF นั้น จะได้รับประโยชน์จากการออมเงินต่อเนื่องในระยะยาว มีอิสระในการเลือกนโยบายการลงทุนได้เอง ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีเทียบเท่ากับการคงเงินไว้ใน PVD คือไม่ถูกบังคับให้ต่อเนื่องเหมือน RMF ทั่วไป สามารถนับอายุสมาชิก PVD ต่อเนื่องกับ RMF ได้ เพื่อให้ได้รับยกเว้นภาษีเมื่อมีคุณสมบัติครบตามหลักเกณฑ์ที่กรมสรรพากรกำหนด โดยเงิน PVD ที่โอนไปนี้ไม่สามารถนำไปหักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลประจำปีได้อีก

จึงเห็นได้ว่า การย้าย PVD ไป RMF ได้นั้นเป็นประโยชน์มากสำหรับมนุษย์เงินเดือนที่จะได้ทั้งการออมที่ต่อเนื่องและได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีเหมือนเดิม และยังเป็นทางเลือกในการออมที่ยืดหยุ่นมากขึ้น ทั้งในเรื่องของจำนวนเงิน จังหวะการลงทุน รวมถึงนโยบายการลงทุน ซึ่งทำให้มีโอกาสที่จะสามารถสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนได้สูงขึ้น ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ทำให้ชีวิตมนุษย์เงินเดือนดี๊ดีขึ้นมาทันตาเห็น แต่ยังคงมีคำถามต่อเนื่องว่าจะสามารถโอนย้าย PVD ไปยังกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ได้หรือไม่

ซึ่งหากไปพิจารณาวัตถุประสงค์การก่อตั้งกองทุนแล้วนั้น LTF จะถูกจัดตั้งขึ้นด้วยวัตถุประสงค์ที่ต่างกัน แม้ว่าจะมีมาตรการลดหย่อนภาษีมาจูงใจให้ลงทุน แต่ก็มิใช่เพื่อการออมสำหรับวัยเกษียณ ดังนั้นมนุษย์เงินเดือนทั้งหลายได้คืบอย่าเอาศอก คิดแค่ว่า LTF มีข้อจำกัดด้านระยะเวลาที่น้อยกว่า แต่ควรพิจารณาความเหมาะสมของแนวทางต่างๆ ที่กำหนดขึ้นมา ซึ่งทั้งนี้ทั้งนั้นก็ทำเพื่อให้มนุษย์เงินเดือนทั้งหลายได้อยู่รอดปลอดภัย ใช้ชีวิตวัยเกษียณอย่างมีความสุขนั่นเอง

ข่าวล่าสุด

ไทยพาณิชย์-FWD คว้า 3 รางวัล Adman Awards 2025 ตอกย้ำเข้าถึงลูกค้าทุก Gen ด้วย "ประกันทรัพย์พอร์ตทุกวัย"