ศาลอุทธรณ์ประหารทีมฆ่าวันสเลย์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนประหาร-จำคุกตลอดชีวิต3ทีมฆ่าวันสเลย์ผู้ตรวจสอบบัญชีโรงงานน้ำตาลนครสวรรค์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนประหาร-จำคุกตลอดชีวิต3ทีมฆ่าวันสเลย์ผู้ตรวจสอบบัญชีโรงงานน้ำตาลนครสวรรค์
ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ห้องพิจารณาคดี813 ศาลอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีหมายเลขดำ ด..12103/2542 ที่พนักงานอัยการจังหวัดนครสวรรค์ และนายอดัม เออร์วิน วันสเลย์ บุตรชายของนายไมเคิล เออร์วิน วันสเลย์ ชาวออสเตรเลีย หัวหน้าฝ่ายตรวจสอบบัญชี บริษัท เซ้าท์ สาทร แพลนเนอร์ จำกัด ซึ่งถูกยิงเสียชีวิต ร่วมกันเป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายบุญพรรณ สุทธฺวิริวรรณ , นายสมโชค สุทธิวิริวรรณ น้องชาย , นายประดิษฐ์ ศิริวิริยะกุล ผู้บริหารโรงงานน้ำตาลเกษตรไทย และนายสมพงษ์ บัวสกุล หรือพงษ์ ปากพนัง ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1 – 4 ในความผิดฐานจ้างวาน ฆ่า และร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน
โดยโจทก์ยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 13 ต.ค.42 ระบุความผิดสรุปว่า เมื่อวันที่ 10 มี.ค. 42 เวลากลางวัน นายประดิษฐ์ จำเลยที่ 3 ได้มีเจตนาฆ่านายไมเคิล เออร์วิน วันสเลย์ อายุ 58 ปี ชาวออสเตรเลีย หัวหน้าฝ่ายตรวจสอบบัญชี บริษัท เซ้าท์ สาทร แพลนเนอร์ จำกัด ด้วยการจ้างวานจำเลยที่ 1,2 และ 4 และนายสมชาย ใจห้าว จำเลยร่วมซึ่งศาลจังหวัดนครสวรรค์มีคำพิพากษาให้จำคุกตลอดชีวิต ร่วมกันใช้อาวุธปืนขนาด 11 ม.ม. รัวยิงนายไมเคิล ขณะนั่งรถยนต์ตู้โตโยต้า ทะเบียน 5ฝ- 8231 กรุงเทพมหานคร ระหว่างเดินทางไป รง.น้ำตาลเกษตรไทย กระสุนถูกศีรษะ และลำตัวเสียชีวิตทันที เนื่องจากผู้ตายตรวจสอบพบการทุจริตของ รง.น้ำตาลเกษตรไทย ที่อยู่ระหว่างการฟื้นฟูกิจการ เหตุเกิดบริเวณทางเข้า รง.น้ำตาลเกษตรไทย ต.หนองโพ อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจร่วมกันติดตามจับกุมจำเลยมาดำเนินคดี โดยจำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา
คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 5 ก.ย. 49 เห็นว่าจำเลยที่ 1,2 และ 4 กระทำผิดตามฟ้องจริง ให้จำคุกตลอดชีวิตนายบุญพรรณ จำเลยที่ 1 ส่วนนายสมโชค จำเลยที่ 2 และนายสมพงษ์ จำเลยที่ 4 ให้ประหารชีวิต และให้ยกฟ้องนายประดิษฐ์ จำเลยที่ 3
อัยการโจทก์ และโจทก์ร่วมยื่นอุทธรณ์ขอให้ศาลอุทธรณ์ พิพากษาลงโทษนายประดิษฐ์ จำเลยที่ 3 ด้วย ขณะที่จำเลยที่ 1,2 และ 4 ยื่นอุทธรณ์ขอให้ศาลยกฟ้องด้วย
ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือกันแล้ว เห็นว่า นายบุญพรรณ จำเลยที่ 1 เป็นผู้จัดหารถจักรยานยนต์ รวมทั้งอาวุธปืนที่ใช้กระทำผิดให้กับกลุ่มมือปืน ส่วนนายสมโชค จำเลยที่ 2 และนายสมพงษ์ จำเลยที่ 4 หลังเกิดเหตุได้พานายสมชาย ใจห้าว และนายพิเชษฐ์ แก้วสามดวง หรือ ส.ทักษิณ ซึ่งศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง มือปืนหลบหนีไปกบดานที่กรุงเทพ จำเลยที่ 1,2,4 จึงมีความผิดฐานสนับสนุนผู้อื่นกระทำผิดเจตนาฆ่านายไมเคิล
ส่วนนายประดิษฐ์ จำเลยที่ 3 นั้น ข้อเท็จจริงจากพยานหลักฐานโจทก์ยังมีเหตุอันน่าสงสัยตามสมควร จึงยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้ ที่ศาลชั้นต้นพิพากษามานั้นศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์โจทก์ – โจทก์ร่วม และอุทธรณ์จำเลยที่ 1,2 และ 4 ฟังไม่ขึ้น พิพากษายืน ให้จำคุกตลอดชีวิตนายบุญพรรณ จำเลยที่ 1 ส่วนนายสมโชค จำเลยที่ 2 และนายสมพงษ์ จำเลยที่ 4 ให้ประหารชีวิต และให้ยกฟ้องนายประดิษฐ์ จำเลยที่ 3
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการฟังคำพิพากษาวันนี้จำเลยทุกคนเดินทางมาศาล โดยเฉพาะนายบุญพรรณ จำเลยที่ 1 ซึงมีอาการป่วยหนักต้องนั่งรถเข็น ส่วนนายประดิษฐ์ จำเลยที่ 3 ซึ่งศาลยกฟ้อง ก็สวมชุดซาฟารีสีฟ้าอมเทาโดยมีผู้ติดตามนับสิบคนมาคอยให้กำลังใจ


