เมื่อผัวฝรั่งทอดทิ้ง

โลกเราแคบลงทุกวัน การเดินทางข้ามทวีปเป็นเหมือนการเดินทางไปต่างจังหวัด ในเมืองฝรั่งตาน้ำข้าวจึงมีคนเอเชียอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก

โดย..สมผล ตระกูลรุ่ง

 ในขณะที่เมืองไทยเราเองมีฝรั่งเข้ามาอาศัยอยู่ไม่ใช่น้อย ฝรั่งสมัยนี้รู้ภาษาไทยดีมากๆ ฉะนั้นเวลาเจอฝรั่งอย่าไปด่าเขานะครับ เพราะอาจหน้าแตกได้ถ้าเขาตอบกลับมาเป็นภาษาไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนไทยเราชอบพูดเล่น เหมือนเรื่องตลกที่เล่าสู่กันฟังว่า

ฝรั่งนั่งรถตุ๊กตุ๊กจะไปเที่ยววัดพระแก้ว เพื่อนๆ ก็พูดหยอกล้อกันว่าจะพาใครไปไหน คนขับตุ๊กตุ๊กบอกว่าจะพาหมาไปวัดพระแก้ว ฝรั่งนั่งเฉยจนถึงวัดพระแก้วก็ลงจากรถโดยไม่จ่ายเงิน คนขับตุ๊กตุ๊กจึงทวงถาม มันนี่ๆ ฝรั่งตอบว่า หมาขึ้นรถไม่ต้องเสียเงิน

ฝรั่งเดี๋ยวนี้พูดไทยได้เก่งเพราะมีครูประจำตัว สอนกันตัวต่อตัว สอนกันทั้งวันทั้งคืน จะไม่เก่งภาษาไทยได้อย่างไร

หญิงไทยสมัยนี้ก็ไม่รังเกียจฝรั่ง หากไปทางภาคอีสาน บางหมู่บ้านจะเป็นเขยฝรั่งทั้งหมู่บ้าน เป็นเงินที่สามีฝรั่งส่งมาให้หญิงไทยซื้อไว้เพื่อใช้อยู่อาศัยหลังเกษียณ

ลูกครึ่งไทยฝรั่ง กลายเป็นคนที่วงการมายาต้องการ ดารานักแสดงจำนวนมากเป็นลูกครึ่ง ซึ่งดูดีกว่าคนไทยแท้ หรือฝรั่งแท้

ฝรั่งส่วนใหญ่ที่ชอบผู้หญิงไทย มักจะเป็นคนที่เกษียณ หรือใกล้เกษียณแล้ว การที่ได้สาวไทยเป็นภรรยาเท่ากับได้คนคอยดูแล เพราะสาวไทยเอาใจเก่ง ดูแลสามีได้ดีกว่าฝรั่งด้วยกัน เมื่อเกษียณแล้วฝรั่งใช้เงินบำนาญจากประเทศของตนเอง สามารถใช้ชีวิตอยู่ในเมืองไทยได้อย่างสบายๆ จึงเป็นความลงตัวของคน 2 สัญชาติที่เกื้อกูลกัน

แต่ฝรั่งก็ไม่ได้ดีทุกคน บางคนโชคร้ายเจอฝรั่งเห็นแก่ตัว ชีวิตก็ไม่ได้สุขสบายเหมือนที่หวังไว้ และฝรั่งที่ไม่ดีมักจะทำสิ่งร้ายๆ ได้มากกว่าคนไทย

เหมือนกับแฟนคอลัมน์ของผมรายหนึ่ง สอบถามมาว่ามีสามีเป็นฝรั่งไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน ฝรั่งทำธุรกิจที่ประเทศไทยโดยตั้งเป็นบริษัท ทรัพย์สินไม่ว่าจะเป็นบ้าน คอนโดมิเนียม ก็ใส่เป็นชื่อของบริษัท อยู่ด้วยกันได้หลายปี ช่วยกิจการค้าของสามีตลอดมา อยู่ๆ วันดีคืนดีฝรั่งก็ขอเลิก ให้ออกไปจากบ้าน เธอถามว่าจะเรียกร้องทรัพย์สินอะไรได้จากสามี (ตัวแสบ) บ้าง เพราะเจ้าฝรั่งรายนี้ไม่ให้ทรัพย์สินใดๆ กับเธอเลย เธอเคยขอเงินไปทำทุนค้าขายเล็กๆ น้อยๆ บ้าง เจ้าฝรั่งก็บอกว่าไม่มีเงิน ถ้าจะเอาก็ต้องกู้จากบริษัท ต้องทำสัญญากู้ให้ไว้ด้วย

เธอเคยอ่านบทความเรื่องทรัพย์สินระหว่างสามีภรรยาที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส ซึ่งผมเขียนไว้นานแล้ว จึงได้สอบถามว่าจะเรียกร้องอะไรจากเจ้าตัวร้ายได้บ้าง

สอบถามข้อเท็จจริงแล้ว ปรากฏว่าในระหว่างอยู่กินด้วยกัน สามีซื้อทรัพย์สินอสังหาริมทรัพย์บ้าง แต่ใส่ชื่อบริษัทซึ่งสามีถือหุ้นกับเพื่อน เงินในบัญชีส่วนตัวก็มี แต่ไม่ทราบรายละเอียด

ผมฟังแล้วไม่รู้จะช่วยเธอได้อย่างไร นี่ยังดีที่อยู่เมืองไทย ถ้าไปตกระกำลำบากที่เมืองฝรั่ง เธอจะทำอย่างไร

หลักกฎหมายในเรื่องนี้มีเพียงว่า เมื่อไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน ทรัพย์สินที่ได้มาระหว่างอยู่กินด้วยกัน จึงไม่ใช่สินสมรส แต่อย่างไรก็ตาม แม้ไม่ใช่สามีภรรยากันตามกฎหมาย แต่ก็ถือว่าเป็นหุ้นส่วนกัน จะเรียกว่าหุ้นส่วนชีวิตก็ได้ ฉะนั้นทรัพย์สินที่ได้ในระหว่างอยู่กินด้วยกัน จึงเป็นทรัพย์สินที่ทำมาหากินด้วยกันในลักษณะที่เป็นหุ้นส่วน จึงต้องแบ่งครึ่งกัน

ปัญหาอยู่ที่ว่าทรัพย์สินอะไรบ้างที่ถือว่าได้มาระหว่างอยู่กินด้วยกัน เพราะเรื่องนี้ซับซ้อนตรงที่เป็นกิจการของบริษัทที่เธอผู้นี้ไม่ได้เป็นผู้ถือหุ้น จะว่าทรัพย์สินที่บริษัทได้มาระหว่างอยู่กินกันเป็นของหุ้นส่วนชีวิตก็ยังไม่ถนัดนัก เพราะบริษัทก็เป็นบุคคลตามกฎหมายที่แยกต่างหากจากกัน หุ้นในบริษัทของสามีก็มีอยู่แล้วก่อนที่จะอยู่กินกัน จึงไม่ใช่ทรัพย์ของหุ้นส่วน เงินในธนาคารก็ไม่รู้ว่ามีเท่าไร จึงเป็นเรื่องยากที่จะขอแบ่งจากสามี

ต้องยอมรับครับว่าฝรั่งเขาปรึกษาทนายเตรียมทางหนีทีไล่ไว้แล้ว จึงตามยาก

อย่างไรก็ตาม ถ้าจะเล่นงานกันจริงๆ อาจต้องตรวจสอบว่าบริษัทที่ฝรั่งใช้ทำธุรกิจและถือกรรมสิทธิ์ที่ดินคอนโดมิเนียม มีใครถือหุ้นแทนหรือไม่ เพราะบริษัทที่จะถือครองที่ดินได้ จะต้องเป็นบริษัทที่มีคนไทยถือหุ้นเกินครึ่ง ส่วนคอนโดมิเนียม แม้เป็นบริษัทที่ฝรั่งถือเกินครึ่ง ก็อาจเป็นเจ้าของได้ ถ้าสัดส่วนของเจ้าของที่เป็นคนต่างชาติยังไม่เกินครึ่ง

การถือหุ้นแทนคนต่างด้าวมีความผิดตามพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจคนต่างด้าว ซึ่งกำลังเป็นปัญหาระหว่างบริษัทโทรคมนาคมใหญ่ ที่กำลังใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือทำธุรกิจ ใช้กฎหมายเพื่อกำจัดคู่แข่ง จนไม่รู้ว่าจะค้าขายหรือจะค้าความ

หากจะเรียกร้องเงินฝากในธนาคารก็ไม่ใช่เรื่องที่จะทำได้โดยง่าย เพียงแค่หาข้อมูลว่ามีบัญชีที่ไหนบ้างก็ไม่ใช่เรื่องง่าย แม้เมื่อทราบก็ไม่แน่ว่าจะมีเงินในบัญชีมากพอที่จะจ้างทนายฟ้องร้องหรือไม่

ทรัพย์สินที่ติดตามได้ง่ายกว่า คือ อสังหาริมทรัพย์ เพราะโอนย้ายได้ยากกว่าเงินในบัญชี การโอนแต่ละครั้งก็จะมีหลักฐาน เพราะต้องจดทะเบียนต่อเจ้าหน้าที่

ฝรั่งเดี๋ยวนี้ไม่ค่อยไว้ใจสาวไทย แม้จะซื้อที่ดินในชื่อของหญิงไทย แต่จะจดทะเบียนสิทธิเก็บกิน สิทธิอาศัย หรือไม่ก็ทำสัญญาจำนองจำนวนสูงๆ เพื่อกันหญิงไทยเอาไปขาย

ก็เป็นวิธีที่นักกฎหมายเราแนะนำให้ ซึ่งในความเป็นจริงล้วนแล้วแต่เป็นนิติกรรมอำพราง หากมีการฟ้องร้องกันจริง น่าจะมีพยานหลักฐานที่พิสูจน์ได้ว่าเป็นนิติกรรมอำพราง

ทั้งฝรั่ง ทั้งคนไทย ต่างก็มีทั้งคนดี คนเลว ขึ้นอยู่กับว่าทำบุญหรือทำบาปมา ถ้าทำบุญมาดีก็จะเจอแต่คนดี แต่ทำบาปทำกรรมมา ก็จะเจอแต่คนหลอกลวงเป็นธรรมดา เป็นไปตามกฎแห่งกรรม

ฉะนั้น หญิงไทยที่คิดจะแสวงหาความสบาย หวังรวยทางลัดโดยหาสามีฝรั่ง ควรจะต้องระมัดระวังให้ดี อย่าเชื่ออะไรง่ายๆ ฝรั่งเป็นชาติที่ตรงไปตรงมา ไม่เกรงใจเหมือนคนไทย ฉะนั้นหากต้องการอะไรก็พูดกันได้ตรงๆ ไม่ต้องอ้อมค้อมให้เสียเวลา และโดยธรรมชาติ ฝรั่งจะกลัวเอกสารที่เป็นลายลักษณ์อักษรมากกว่าข้อตกลงด้วยคำพูด

อย่างไรก็ตาม แม้ในทางกฎหมายเราอาจชนะคดี แต่ในทางปฏิบัติถ้าฝรั่งหนีกลับประเทศ คนไทยก็ทำอะไรไม่ได้ อาจจะได้แต่กระดาษคำพิพากษาถือไว้ดูต่างหน้า