นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ อริผูกขาดทักษิณ
นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ แกนนำเครือข่ายกลุ่มเสื้อหลากสี กลับมาเป็นข่าวอีกครั้งพร้อมกับ แก้วสรร อติโพธิ
นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ แกนนำเครือข่ายกลุ่มเสื้อหลากสี กลับมาเป็นข่าวอีกครั้งพร้อมกับ แก้วสรร อติโพธิ
โดย...วิมลพรรณ ปีตธวัชชัย
อดีตคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ คตส. ซึ่งเตรียมยื่นเรื่องให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ตรวจสอบกรณีให้การเท็จในศาลของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กรณีซุกหุ้นของ ทักษิณ ชินวัตร อันเป็นเหตุให้บรรดาลิ่วล้อของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โดยเฉพาะ นพดล ปัทมะ แสดงความเดือดร้อนออกมากล่าวหา นพ.ตุลย์ และแก้วสรร ว่าทั้งสองคนอาจจะรับงานมาตามเทศกาลที่ถูกวางแผนไว้เป็นอย่างดี และเป็นที่รู้กันว่าเป้าหมายคือหวังผลการเมืองในวันที่ 3 ก.ค.เท่านั้น ทั้งๆ ที่ นพดล ปัทมะ เองก็รู้ดีว่าเรื่องการให้การเท็จของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นั้นไม่มีเพียงเรื่องให้การเท็จคดีซุกหุ้นของ ทักษิณ ชินวัตร เพียงคดีเดียวแต่ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อาจจะต้องถูกตรวจสอบในข้อหาแจ้งข้อมูลที่สงสัยว่าเป็นเท็จต่อคณะกรรมการตลาดทรัพย์กรณีการถือหุ้นของ พจมาน ณ ป้อมเพชร และบุตรสาว ในบริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น (มหาชน) ด้วย
นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ เกิดเมื่อวันที่ 19 ต.ค. 2508 ที่กรุงเทพมหานคร เป็นบุตรของประทวน และ พ.อ.พิเศษ(หญิง) สมพร สิทธิสมวงศ์ จบการศึกษาชั้นต้นจากโรงเรียนดรุโณทยาน และโรงเรียนเซนต์คาเบรียล แล้วเข้าศึกษาต่อระดับชั้นมัธยมปลายที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา จากนั้นได้สอบเข้าศึกษาต่อที่คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อสำเร็จการศึกษาทางด้านการแพทย์ แล้วก็ได้ไปเป็นแพทย์ใช้ทุนที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา แล้วกลับมาเรียนต่อแพทย์เฉพาะทางด้านสูตินรี ที่คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้บรรจุเป็นอาจารย์คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตั้งแต่ปี 2536 จนถึงปัจจุบันนี้ มีตำแหน่งเป็น ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ระดับ 8 ที่คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ มีความสนใจในความเป็นไปของสังคมบ้านเมืองมาตั้งแต่วัยเด็ก และมีความตื่นตัวกับเหตุการณ์และความเป็นไปต่างๆ ของบ้านเมืองอย่างต่อเนื่อง ดังจะเห็นได้ว่าเมื่อเกิดเหตุการณ์ 14 ต.ค. 2516 แม้ในขณะนั้น นพ.ตุลย์จะเรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ก็เอาใจใส่ในการตัดแปะข่าวหนังสือพิมพ์เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างละเอียดลออ จนกระทั่งเรียนหนังสืออยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 เดือน ต.ค. 2519 มีการปราบปรามนักศึกษาที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แม้จะไม่มีโอกาสเข้าไปร่วมในเหตุการณ์แต่ก็คอยฟังข่าวและความเป็นไปต่างๆ ของบ้านเมืองอย่างใกล้ชิด
เมื่อเติบโตขึ้นก่อนที่จะเข้าศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัย ก็เกิดกบฏเมษาฮาวายจึงมีความสนใจที่จะศึกษาเรื่องราวการเติบโตในอำนาจทางการเมืองของนายทหารกลุ่มยังเติร์กที่มี พ.อ.มนูญ รูปขจร พ.อ.จำลอง ศรีเมือง และ พ.อ.ประจักษ์ สว่างจิตร เป็นแกนนำทำให้มีความรู้ความเข้าใจในความเป็นไปทางการเมืองของประเทศมากขึ้น
ในระหว่างที่กำลังศึกษาวิชาแพทย์เฉพาะทางอยู่ที่คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในปี 2535 ได้เกิดเหตุการณ์พฤษภาทมิฬก็ได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการต่อต้านการขึ้นมาสู่อำนาจของ พล.อ.สุจินดา คราประยูร การเอาตัวเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์ที่ถนนราชดำเนิน ตั้งแต่ต้นจนกระทั่งเหตุการณ์ทั้งหลายยุติลง ทำให้ได้พบเห็นเรื่องราวต่างๆ มากมายที่หล่อหลอมให้เกิดความรู้ความเข้าใจในการต่อสู้ทางการเมืองในระดับมวลชนมากขึ้น
เมื่อ ทักษิณ ชินวัตร ตัดสินใจตั้งพรรคการเมืองไทยรักไทยและลงสมัครรับเลือกตั้งได้เป็นนายกรัฐมนตรี นพ.ตุลย์ซึ่งได้ถูกห้ามปรามจากผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือและญาติสนิทมิตรสหาย ที่ไม่เคยเชื่อว่าคนที่รวยแล้วอย่าง ทักษิณ ชินวัตร จะรู้จักพอและขอมิให้ นพ.ตุลย์ไปลงคะแนนเลือกทักษิณแต่ด้วยความเชื่อว่าน่าจะต้องให้โอกาสคนที่มีความพร้อมลงมาบริหารประเทศดู นพ.ตุลย์จึงตอบบรรดาผู้ที่หวังดีทั้งหลายว่า ไม่เป็นไรผมจะไปเลือกแต่ถ้ามันโกงผมจะไล่มันเอง โดยที่ นพ.ตุลย์ไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าในอีกไม่กี่ปีต่อมา หลังจากกลุ่มการเมืองของ ทักษิณ ชินวัตร เข้ามามีอำนาจและใช้อำนาจนั้นเอื้อประโยชน์ให้กับตนเองจนร่ำรวยผิดปกติ และถูกปฏิวัติรัฐประหารนั้นจะทำให้ตนเองต้องกลายมาเป็นแกนนำ กลุ่มคนหลากสีขึ้นมาคานอำนาจต่อต้านคนเสื้อแดงที่พากันก่อความวุ่นวาย เผาบ้านเผาเมือง อันเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นและเป็นสิ่งที่ นพ.ตุลย์ไม่อาจจะทนอยู่เฉยได้ แม้จะไม่อาจคาดการณ์ได้ว่าการลุกขึ้นมาต่อสู้นั้นจะต้องได้รับอันตรายอย่างไรบ้าง แต่ก็ได้กระทำในสิ่งที่เคยประกาศไว้กับผู้ที่เคารพนับถือและผู้ที่มีความห่วงใยว่า “ถ้ามันโกงผมจะไล่มันเอง”
ก่อนที่ นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ จะเข้ามามีบทบาทเด่นในการเป็นแกนนำ กลุ่มคนเสื้อหลากสีเขาได้เข้าร่วมกิจกรรมทางสังคมกับคนหลากหลายกลุ่ม เพื่อทำประโยชน์ให้กับสังคมและชุมชนโดยส่วนรวม เมื่อครั้งที่ประเทศไทยและกัมพูชามีปัญหาเรื่องการขึ้นทะเบียนมรดกโลกปราสาทพระวิหาร นพ.ตุลย์เป็นอีกผู้หนึ่งที่ลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อความเป็นธรรมให้แก่ประเทศไทย เพราะเห็นว่าการตัดสินให้กัมพูชาขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกแต่ฝ่ายเดียวนั้น เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องและไม่เป็นธรรม จึงได้เข้าร่วมกับองค์กรทางสังคม เรียกร้องให้ยูเนสโกและคณะกรรมการมรดกโลก พิจารณาการจดทะเบียนปราสาทพระวิหารให้เป็นการจดทะเบียนร่วมระหว่างไทยและกัมพูชา ในขณะเดียวกันก็ได้ออกแรงแข็งขัน ในอันที่จะเปิดโปงพฤติกรรมขายชาติของบรรดานักการเมืองไทยหัวใจเขมรทั้งหลาย ให้เป็นที่ประจักษ์ชัดเป็นที่รับรู้ของสังคมอย่างกว้างขวาง
ในภาวะที่บ้านเมืองเกิดเหตุการณ์วิกฤตแม้ นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ จะมิได้เป็นผู้ที่โดดเด่นในการต่อสู้เพื่อสังคมมาก่อน แต่การที่ นพ.ตุลย์ได้แสดงความกล้าหาญประกาศตัวเป็นแกนนำในการต่อสู้ เพื่อช่วยให้ชาติบ้านเมืองผ่านพ้นวิกฤตไปได้ในระดับหนึ่งจึงนับได้ว่า นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ เป็นผู้ที่มีความมุ่งมั่นที่จะทำประโยชน์ให้ชาติบ้านเมือง ด้วยความมุ่งหวังว่าวันข้างหน้าสังคมการเมืองของประเทศจะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นเรื่อยๆ หากช่วยกันคนละไม้ละมือ และไม่ยอมปล่อยให้คนชั่วลอยนวล


