เลขาฯเปิดแถลงการณ์จิ๋วทิ้งเพื่อไทย
เลขาฯส่วนตัวบิ๊กจิ๋ว เผยแถลงการณ์เหตุผลลาออกจากพรรคเพื่อไทย ระบุมีบางคนทำเรื่องไม่บังควรกับสถาบัน ด้านคนใกล้ชิดโต้เป็นแถลงการณ์เก๊ คาด ชวลิตเตรียมชี้แจงด้วยตัวเองภายใน 2-3วันนี้
เลขาฯส่วนตัวบิ๊กจิ๋ว เผยแถลงการณ์เหตุผลลาออกจากพรรคเพื่อไทย ระบุมีบางคนทำเรื่องไม่บังควรกับสถาบัน ด้านคนใกล้ชิดโต้เป็นแถลงการณ์เก๊ คาด ชวลิตเตรียมชี้แจงด้วยตัวเองภายใน 2-3วันนี้
นายไชยยงค์ รัตนวัน เลขานุการส่วนตัว ได้จัดทำแถลงการณ์ของพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดตประธานพรรคเพื่อไทย (พท.) ออกแจกจ่ายต่อสื่อมวลชน โดยระบุว่าได้รับมอบหมายจาก พล.อ.ชวลิต ให้จัดทำแถลงการณ์ ชี้แจงเหตุผลในการลาออกจากพรรคเพื่อไทย โดยระบุว่าได้เกิดปรากฎการณ์ที่ขัดแย้งต่อหลักการและเหตุผล 5 ข้อที่เข้ามาสมัครเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยจึงขอลาอีก
ขณะที่ นายชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส.นครพนมพรรคเพื่อไทย คนใกล้ชิด พล.อ.ชวลิต ได้ออกมาชี้แจงว่า คำแถลงการณ์ดังกล่าวไม่ใช่ในนามของพล.อ.ชวลิต โดยคาดว่า พล.อ.ชวลิต จะออกมาแถลงชี้เแจงเรื่องการลาออกจากพรรคด้วยตัวเองภายใน 2-3 วัน นี้
อย่างไรก็ตาม นายไชยยงค์ ยืนยันว่า เอกสารคำชี้แจงของพล.อ.ชวลิตชิ้นนี้เป็นความคิดของพล.อ.ชวลิตจริง โดยพล.อ.ชวลิตได้เรียกไปพบที่ดอนโดมีเนียมวานนี้ (19เม.ย.) และให้ร่างคำแถลงการณ์ตามนี้เพื่อแจกจ่ายสื่อมวลชน ดังนั้น ไม่ใช่การกล่าวอ้างพล.อ.ชวลิต และเมื่อตนยกร่างเสร็จ ก็ได้ให้พล.อ.ชวลิต ตรวจสอบอีกรอบ
ส่วนที่นายชวลิต คนใกล้ชิดพล.อ.ชวลิต อีกคนยืนยันไม่ใช่ความคิดของพล.อ.ชวลิตนั้น นายไชยยงค์ กล่าวว่า "ท่านนายอำเภอ ชวลิต จะรู้ได้อย่างไร ไม่เชื่อท่านชวลิตก็ลองไปถาม พล.อ.ชวลิตดูซิ"
ทั้งนี้ นายไชยยงค์ กล่าวว่า เขาช่วยงานพล.อ.ชวลิตมานานมาก ที่ผ่านมาลงสมัคร ส.ส.ศรีสะเกษ พรรคความหวังใหม่ และปัจจุบันก็ยังเป็นเลขานุการส่วนตัวพล.อ.ชวลิต
อนึ่งเอกสารแถลงการณ์ดังกล่าวมีความยาวถึง 10 หน้า โดยมีเนื้อหาช่วงสำคัญที่ระบุเหตุผลที่ พล.อ.ชวลิตตัดสินใจลาออกจากพรรคเพื่อไทยเอาไว้อย่างน่าสนใจดังนี้
"ปรากฏว่ามีบางส่วนในองค์การพรรคและองค์การมวลชนที่เคยเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับพลเอกชวลิต ได้เสนอความคิดเห็นที่ขัดต่อหลักการทั้ง 5 ข้อ นั่นคือ ขัดต่อหลักการ“แนวทางประเทศไทย” อย่างชนิดตรงกันข้าม โดยเฉพาะในด้าน “ปัญหาบุคคล” โดยเข้าใจผิดพลาดคลาดเคลื่อนว่าปัญหาของชาติและประชาชนอยู่ที่ “ปัญหาบุคคล” ไม่ได้มองเห็นปัญหาที่ถูกต้องว่า “ปัญหาชาติและประชาชนอยู่ที่ปัญหาหลักการหรือปัญหาระบอบ” ตามความจริงแท้ของสถานการณ์ประเทศไทยคือ “ระบอบเลว คนดี” ที่สรุปอยู่ในคำขวัญที่ว่า “สังคมเลวทำให้คนเป็นผี สังคมดีทำให้ผีเป็นคน” หรือ “การปกครองเลวเป็นวิบัติ การปกครองดีเป็นสมบัติ” หรือ “ระบอบเลวทำให้วิบัติหายนะ ระบอบดีทำให้เจริญวิวัฒน์พัฒนา”
ระบุม็อบไม่ติดอาวุธทางปัญญาให้มวลชน
ซึ่งองค์การมวลชนทั้งหลายในประเทศไทยก็ทำเป็นแต่ม็อบแต่ทำแม็สหรือติดอาวุธทางปัญญาให้มวลชนไม่เป็น คือ ทำเป็นแต่ปลุกเร้าอารมณ์ร่วมเพื่อเปลี่ยนแต่บุคคลแต่ปลูกฝังทำปัญญาร่วมเปลี่ยนระบอบไม่เป็น องค์การพรรคการเมืองในประเทศไทยทำเป็นแต่การหาเสียงเลือกตั้งส.ส.แต่ทำการจัดตั้งสร้างประชาธิปไตยไม่เป็น หรือทำเป็นแต่พรรคของส.ส.แต่สร้างพรรคของมวลชนไม่เป็น ส่วนองค์การรัฐทำเป็นแต่การสร้างรัฐธรรมนูญแต่ทำการปกครองเพื่อสร้างประชาธิปไตยไม่เป็น หรือองค์การรัฐทำเป็นแต่บริหารระบอบเผด็จการรัฐสภาแต่เปลี่ยนระบอบเก่าให้เป็นประชาธิปไตยไม่เป็น
ชี้มีบางส่วนทำเรื่องไม่บังควร
ดังเช่น อาเพศประเทศไทย 10 ประการ ที่พลเอกชวลิต ยงใจยุทธได้ประกาศไปแล้วเมื่อหลายปีก่อน จึงเกิดปัญหากับบุคคลหรือกับบางสถาบันฯขึ้นอย่างไม่ควรจะเกิดขึ้นและไม่น่าจะเป็นไปได้ ซึ่งพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ ท่านได้ยืนยันว่าเรื่องไม่บังควรเหล่านี้มีอยู่จริงแต่ก็เป็นเพียงบางส่วนเท่านั้น
แต่ส่วนใหญ่ในองค์การพรรคและองค์การมวลชนในประเทศไทยยังคงยืนในแนวทางประเทศไทยที่ถูกต้อง แต่ไม่ใคร่จะได้แสดงบทบาท ไม่ใคร่จะเป็นข่าวออกมาภายนอกเท่านั้น เหมือนภูเขาน้ำแข็งที่หนึ่งส่วนโผล่ขึ้นเหนือน้ำให้เห็น แต่อีกเก้าส่วนจมอยู่ใต้น้ำ และท้ายที่สุดก็ต้องเป็นไปตามสัจธรรมที่ว่า “ฝ่ายที่มีแนวทางที่ถูกต้องสอดคล้องย่อมดำรงอยู่ได้ มีความเติบใหญ่ มีชัยชนะในที่สุด...แต่...ฝ่ายที่มีแนวทางการเมืองผิดไม่สอดคล้องย่อมดำรงอยู่ไม่ได้ อ่อนแอเสื่อมสูญ ปราชัยพ่ายแพ้ในที่สุด”
ทั้งนี้ เพื่อยืนยันและตอกย้ำว่าแนวทางการเมืองที่พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ รับผิดชอบอยู่และจะยึดถือปฏิบัติต่อไป คือ แนวทางประเทศไทยดังกล่าวข้างต้นอย่างเคร่งครัดตลอดไป ถ้าหากองค์การพรรคการเมืองหรือองค์การมวลชนหรือบุคคลใดๆก็ตามที่ไม่ได้ยึดถือและปฏิบัติตามแนวทางประเทศไทย คือ แนวทางการเมืองการปกครองแบบประชาธิปไตยระบบรัฐสภาอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขแห่งรัฐ การไม่ยึดถือแนวทางนี้จึงไม่ใช่แนวทางการเมืองที่พลเอกชวลิตยึดถือปฏิบัติ และไม่ใช่องค์การพรรคหรือองค์การมวลชนหรือบุคคลเอกชนที่แสดงเจตจำนงค์ทางการเมืองแทนปวงชนชาวไทยอีกด้วย
แนะตั้งรัฐบาลเฉพาะกาลแก้ปัญหาการเมือง
อย่างไรก็ตามในแถลงการณ์ยังระบุถึงแนวทางการแก้ปัญหาการเมืองไว้ด้วยว่า
ปวงชนชาวไทยจะต้องหันหน้าเข้ามาแก้ปัญหาชาติให้ถูกต้อง คือ แก้ปัญหาที่ระบอบ คือ การจัดตั้งการปกครองเฉพาะกาล เพื่อสร้างประชาธิปไตยให้แล้วเสร็จต่อไปโดยไม่ต้องไปโทษปัญหาบุคคลว่าเป็นต้นเหตุของปัญหาชาติหรือปัญหาของประชาชนซึ่งไม่ถูกต้องกับความจริง ดังเช่น เราเคยโทษนายกฯ คนนั้น คนนี้ คนโน้น มาโดยตลอดว่าเป็นปัญหาชาติ แล้วพากันเคลื่อนไหวขับไล่โค่นล้ม เสร็จแล้วก็ได้นายกฯคนใหม่อีกพวกเราก็มาไล่กันอีก ขับไล่ไปเรื่อยๆ
ย้ำปัญหาอยู่ที่ระบอบไม่ใช่ตัวบุคคล
ปัญหาของประชาชนที่แท้จริง คือ “ปัญหาระบอบ” หรือ “ปัญหาประชาธิปไตย” หรือ “ปัญหาการปกครอง” ซึ่งเป็นต้นเหตุ ดังนั้น จึงต้องหันหน้ามาช่วยกันยกระดับการแก้ปัญหาจากปัญหา “บุคคล” ขึ้นสู่ การแก้ปัญหา“ระบอบ” แล้วจะเกิดความสามัคคีทางการเมืองและความสามัคคีแห่งชาติ ไม่เกิดความแตกแยกอย่างเช่นปัจจุบัน ที่เป็นผลมาจากการมองปัญหาผิดจึงเกิดความแยกแยกกันภายในชาติ
"ท่านอภิสิทธิ์ก็ไม่ใช่ปัญหาของชาติ ท่าน พ.ต.ท.ทักษิณก็ไม่ใช่ปัญหาของชาติ ท่านสมัคร ท่านสมชายหรือใครๆก็ไม่ใช่ปัญหาของชาติ ต้นเหตุเดียวของปัญหาชาติ คือ “ปัญหาระบอบ” เท่านั้น"
การไปโทษว่าบุคคลคือปัญหาชาติเป็นความคิดล้าหลัง หรือความเห็นผิดมิจฉาทิฎฐิ อันเป็นเหตุแห่งความแตกแยกและเป็นการแก้ปัญหาที่ล้มเหลว การโทษว่าระบอบคือปัญหาชาติเป็นความคิดก้าวหน้า หรือความเห็นถูกสัมมาทิฎฐิอันเป็นเหตุแห่งความสามัคคีและเป็นแนวทางการแก้ปัญหาชาติให้สำเร็จลุล่วง


