posttoday

ศาลพิพากษาคุก5ปีคดีโยงซุกเงินท่อพีวีซี74ล้าน

28 มีนาคม 2554

ศาลอาญาพิพากษาคดีค้ายาเงินซุกท่อพีวีซี 74 ล้านจำคุก5ปีอุสมาน สะแลแมงมีหลักฐานโอนเงินผ่านบัญชีผู้อื่นแต่ให้ยกฟ้องน้องชายเพราะไม่พบโยงสมคบค้ายา         ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษา คดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดียาเสพติด 1 เป็นโจทก์ ฟ้องนายหรั่ง ธุระพล นายภูวนัย หรือเลี่ยม ยศนุ้ย และนายอครัช ธีระนันท์ภาสกรณ์ หรือฮัมดำ สะแลแมง น้องชายของนายอุสมาน สะแลแมง นักค้ายาเสพติดรายใหญ่ทางชายแดนภาคใต้ ที่มีคดีเงินค้ายาซุกท่อพีวีซี จำนวน 74 ล้านบาท และนายอุสมาน เป็นจำเลยที่ 1-3 ในความผิดฐานสมคบกันกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต เหตุเกิดเมื่อวันที่ 7-12 ก.พ. 2552          ศาลพิเคราะห์แล้วมีปัญหาต้องวินิจฉัยว่า จำเลยทั้งสามสมคบกันค้ายาเสพติดตามฟ้องหรือไม่ จึงเห็นว่าโจทก์มีหลักฐานเพียงภาพถ่ายของจำเลยที่ 1 ที่ไปพบ และเดินทางไปกับนายอุสมาน สะแลแมง แต่ไม่มีหลักฐานว่าจำเลยที่ 1 ติดต่อเรื่องค้ายาเสพติดกับนายอุสมาน อีกทั้งไม่มีประจักษ์พยานที่จะเชื่อมโยงการค้ายาเสพติด

ศาลอาญาพิพากษาคดีค้ายาเงินซุกท่อพีวีซี 74 ล้านจำคุก5ปีอุสมาน สะแลแมงมีหลักฐานโอนเงินผ่านบัญชีผู้อื่นแต่ให้ยกฟ้องน้องชายเพราะไม่พบโยงสมคบค้ายา
        
ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษา คดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดียาเสพติด 1 เป็นโจทก์ ฟ้องนายหรั่ง ธุระพล นายภูวนัย หรือเลี่ยม ยศนุ้ย และนายอครัช ธีระนันท์ภาสกรณ์ หรือฮัมดำ สะแลแมง น้องชายของนายอุสมาน สะแลแมง นักค้ายาเสพติดรายใหญ่ทางชายแดนภาคใต้ ที่มีคดีเงินค้ายาซุกท่อพีวีซี จำนวน 74 ล้านบาท และนายอุสมาน เป็นจำเลยที่ 1-3 ในความผิดฐานสมคบกันกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต เหตุเกิดเมื่อวันที่ 7-12 ก.พ. 2552
         
ศาลพิเคราะห์แล้วมีปัญหาต้องวินิจฉัยว่า จำเลยทั้งสามสมคบกันค้ายาเสพติดตามฟ้องหรือไม่ จึงเห็นว่าโจทก์มีหลักฐานเพียงภาพถ่ายของจำเลยที่ 1 ที่ไปพบ และเดินทางไปกับนายอุสมาน สะแลแมง แต่ไม่มีหลักฐานว่าจำเลยที่ 1 ติดต่อเรื่องค้ายาเสพติดกับนายอุสมาน อีกทั้งไม่มีประจักษ์พยานที่จะเชื่อมโยงการค้ายาเสพติดที่ จ.สงขลา กับจำเลยที่ 1 เช่นเดียวกับจำเลยที่ 2 ที่โจทก์ไม่มีพยานหลักฐานเพียงพอ ขณะที่จำเลยที่ 1 รับสารภาพในเรื่องอาวุธปืนเท่านั้น ส่วนจำเลยที่ 3 มีหลักฐานในการโอนเงินผ่านชื่อบัญชีผู้อื่น ซึ่งน่าเชื่อว่ามีการปกปิดธุรกรรมทางการเงิน โดยการดำเนินธุรกิจขายรถยนต์มือสองไม่น่าจะทำให้มีทรัพย์สินมากเพียงนี้ โดยจากการตรวจค้นที่พักที่พัทยา จ.ชลบุรี ของจำเลยที่ 3 พบซองที่ใส่ยาเสพติดระบุชื่อจำเลยที่ 3 ที่หน้าซองดังกล่าว แต่โจทก์ไม่มีการเชื่อมโยงว่าจำเลยที่ 3 ร่วมกันสมคบค้ายาในคดีนี้อย่างไร
         
พิพากษาว่าจำเลยที่ 1 มีความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน จำคุก 8 เดือน ปรับ 9,100 บาท คำรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยที่ 1 เป็นเวลา 4 เดือน ปรับ 4,450 บาท โทษจำคุกมีกำหนดรอการลงโทษ 2 ปี ส่วนจำเลยที่ 2 ให้ยกฟ้อง และจำเลยที่ 3 มีความผิดตาม พ.ร.บ.ยาเสพติด ลงโทษจำคุก 5 ปี.

 

ข่าวล่าสุด

"พลังงาน" สั่งเข้ม! ตรวจสอบปริมาณส่งออกน้ำมัน ทางบก-เรือ พร้อมร่วมมือกองทัพสกัดลักลอบส่งน้ำมันเข้ากัมพูชา