'บูรพาพยัคฆ์-วงศ์เทวัญ'แบ่งบันอำนาจ

ประกาศออกมาอย่างเป็นทางการแล้วสำหรับการโยกย้ายนายทหารกลางปีซึ่งมี 132 นาย ซึ่งถือว่าเป็นการโยกย้ายจำนวนน้อยมาก แค่รองรับคนที่จะเกษียณเท่านั้น โดยตำแหน่งสำคัญๆ คุมกำลังต่างๆ ตกเป็นคนของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.

 

ที่สำคัญในการโยกย้ายครั้งนี้มีการแบ่งบันอำนาจระหว่าง “บูรพาพยัคฆ์วงศ์เทวัญ” เพื่อลบภาพความรู้สึกขัดแย้งในกองทัพอีกด้วย

สำหรับตำแหน่งที่สำคัญในการโยกย้ายครั้งนี้ คือ พล.อ.คณิต สาพิทักษ์ ที่ปรึกษาพิเศษ ทบ. ได้ข้ามห้วยมาเป็นประธานที่ปรึกษากระทรวงกลาโหม อัตราจอมพล เพื่อเตรียมจ่อเป็น “ปลัดกลาโหม” ในการโยกย้ายเดือน ก.ย.นี้ แทน พล.อ.กิตติพงษ์ เกษโกวิท ที่จะเกษียณราชการในเดือน ก.ย.

ทั้งนี้ พล.อ.คณิต มีอายุราชการถึงปี 2556 และเป็นนายทหารกลุ่ม “บูรพาพยัคฆ์” ที่เติบโตมาจากกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ร.2 รอ.) จ.ปราจีนบุรี เช่นเดียวกับ พล.อ.ประวิตร และ พล.อ.ประยุทธ์

ทว่า การโยกย้ายใหญ่เมื่อเดือน ต.ค. 2553 พล.อ.คณิต ซึ่งเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 ไม่ได้เป็น ผช.ผบ.ทบ. แต่ถูกเด้งเป็นพลเอกที่ปรึกษาพิเศษ ทบ. ด้วยข้อหาไม่เต็มที่ในการปราบปรามการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดง

นอกจากนี้ “บูรพาพยัคฆ์” ได้ขยับขึ้นอีกคน คือ พล.ต.วลิต โรจนภักดี ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ (ผบ.พล.ร.2 รอ.) ขึ้นมาเป็นรองแม่ทัพภาคที่ 1 เพื่อจ่อคิวชิงเก้าอี้แม่ทัพภาคที่ 1 ในเดือน ก.ย.นี้

ทั้งนี้ พล.ต.วลิต เป็นบูรพาพยัคฆ์ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส ขาขวาแตกสามท่อนจากเหตุปะทะกับม็อบเสื้อแดงที่สี่แยกคอกวัว เมื่อวันที่ 10 เม.ย. 2553 ซึ่งทำให้ต้องนอนโรงพยาบาลรักษาตัวนานกว่า 6 เดือน แม้ตอนนี้เดินได้แล้ว แต่ก็ยังวิ่งไม่ได้ และเหตุการณ์ในครั้งนั้นทำให้ พ.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม เสียชีวิต

อย่างไรก็ตาม ที่ฮือฮาในการโยกย้ายครั้งนี้ คือ พล.อ.ประวิตร และ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องการลบภาพลักษณ์ของกองทัพบก ที่ว่า “บูรพาพยัคฆ์” จะได้ดีด้วยการตั้ง พ.อ.พิสิทธิ์ สิทธิสาร รองผู้บัญชาการกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ (รอง ผบ.พล.1 รอ.) หน่วยคุมกำลังหลักปฏิวัติกลางกรุง ซึ่งถือเป็น “ทหารวงศ์เทวัญ” ที่เติบโตมาใน พล.1 รอ. หน่วยในกรุงมาตลอด ไปเป็น ผบ.พล.ร.2 รอ. คุมบูรพาพยัคฆ์ที่ชายแดนปราจีนบุรี

“เพื่อเป็นการสยบเสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่ว่า ผู้นำกองทัพในยุคนี้ดันแต่ทหารบูรพาพยัคฆ์ แต่นี่เอาวงศ์เทวัญมาเป็น ผบ.พล.ร.2 รอ. คุมบูรพาพยัคฆ์” แหล่งข่าวเปิดเผย

สำหรับตำแหน่งอื่นที่น่าสนใจ อาทิ พล.ท.ธงชัย เทพารักษ์ แม่ทัพน้อยที่ 3 เป็นพลเอกที่ปรึกษาพิเศษ บก.กองทัพไทย พล.ต.นพดล โชติศิริ รองเจ้ากรมแผนที่ทหาร เป็นเจ้ากรมแผนที่ทหาร พล.ท.ธนดล เผ่าจินดา ผบ.หน่วยบัญชาการรักษาดินแดน (น้องชาย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา อดีต ผบ.ทบ.) เป็นพลเอกที่ปรึกษาพิเศษ ทบ. พล.ท.ชาญชัยณรงค์ ธนารุณ ที่ปรึกษา ทบ. เป็นแม่ทัพน้อยที่ 3

ขณะที่เพื่อน ตท.12 ของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ได้ขยับขึ้น คือ พล.ท.ดนัย มีชูเวท ที่ปรึกษา ทบ. กลับถิ่นเดิมมาเป็น ผบ.โรงเรียนนายร้อย จปร. และ พล.ต.ชูเกียรติ เธียรสุนทร จากรอง ผบ.หน่วยบัญชาการรักษาดินแดน เป็น (พลโท) ผบ.หน่วยบัญชาการรักษาดินแดน

พล.ต.จีระศักดิ์ ชมประสพ รองแม่ทัพภาคที่ 2 เป็นพลโทแม่ทัพน้อยที่ 2 พ.อ.ชลิต เมฆมุกดา เป็น ผบ.กองพลพัฒนาที่ 2 พ.อ.ธนดล สุรารักษ์ ผบ.กองพลทหารช่างทหารช่าง เป็นเจ้ากรมทหารช่าง

สำหรับนายพลหญิงใหม่ มีเพียง 1 คน คือ พ.อ.หญิงจินตนา เกิดผล บุตรสาว พล.อ.สายหยุด เกิดผล อดีต ผบ.สส. ได้เป็นผู้ทรงคุณวุฒิ ทบ. อัตราพลตรีหญิง

ด้านกองทัพเรือ พล.ร.ต.สุริยะ พรสุริยะ หัวหน้าฝ่ายการศึกษา โรงเรียนนายเรือ เป็น ผบ.กองเรือดำน้ำ เพื่อเตรียมรับแผนการจัดซื้อเรือดำน้ำ 2 ลำแรก พล.ร.ต.นาวิน ธนเนตร ผบ.กองเรือฟริเกตที่ 1 เป็น ผบ.กองเรือบรรทุกเฮลิคอปเตอร์ พล.ร.ต.ดุษฎี สังขปรีชา ผบ.กองเรือตรวจอ่าว เป็น ผบ.กองเรือฟริเกตที่ 1 ส่วนกองทัพอากาศ พล.อ.ต.อานนท์ วิรัชกุล รองเจ้ากรมช่างอากาศ เป็นเจ้ากรมช่างอากาศ