จับทวนสวนกระแส
ขณะที่ปัญหาเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ฟูกุชิมากำลังร้อนฉ่า แต่คนบ้านเรากลับสาละวนทำเรื่อง “หน่อมแน้ม” ไม่เข้าท่า
ขณะที่ปัญหาเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ฟูกุชิมากำลังร้อนฉ่า แต่คนบ้านเรากลับสาละวนทำเรื่อง “หน่อมแน้ม” ไม่เข้าท่า
วันก่อนเพิ่งแกว่งปากแขวะลัทธิสังคมนิยมดรามา ที่นิยมชมชอบกับเรื่องราวประเภทบีบน้ำตา ฝ่ามรสุมชีวิตท่ามกลางมหันตภัยแผ่นดินไหวสึนามิ และวิกฤตกัมมันตรังสีมรณะ ยังไม่ทันไรหน่วยงานเจ้าแห่งการประชาสัมพันธ์สร้างภาพอย่างกรุงเทพมหานคร (กทม.) ก็กระโดดงับเรื่องนี้ทันที
ข่าวแจ้งมาว่า กทม.เตรียมจัดงานมหกรรมยิ่งใหญ่อลังการด้วยการชวนคนกรุงพับนกกระดาษส่งกำลังใจให้ชาวญี่ปุ่นภายใต้ชื่องาน “กทม.รวมใจห่วงใยชาวญี่ปุ่น : Together We Care Bangkok For Japan” ในวันที่ 28 มี.ค.นี้ ที่ลานคนเมือง หน้าเสาชิงช้า โดยเชิญชวนประชาชนร่วมพับนกกระดาษส่งไปที่ 50 สำนักงานเขต หรือที่ศาลาว่าการ กทม. เพื่อร่วมกันแสดงความห่วงใยและส่งกำลังใจให้แก่ผู้ประสบภัย พร้อมจุดเทียนและกล่าวคำไว้อาลัยแก่ผู้เสียชีวิต
จะว่าไปแล้วก็นับเป็นความหวังดีอย่างสุดซึ้ง แต่สำหรับชาวญี่ปุ่นแล้ว เขาเป็นชาติที่มีน้ำอดน้ำทนกว่าเรามาก ไม่ใช่ประเภทฟูมฟายไร้เหตุผล และถ้าจะให้เดาใจชาวญี่ปุ่นในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้ คงไม่ต้องการอะไรมากไปกว่าอาหาร น้ำดื่ม เครื่องอุปโภคบริโภค และสิ่งของที่จำเป็นในการดำรงชีวิต ...คงไม่ต้องการถูกซ้ำเติมด้วยการ “เพิ่มขยะ”
ยังดีที่งานนี้ กทม.จะมีการตั้งกล่องรับบริจาคและส่งมอบเงินบริจาคช่วยเหลือผู้ประสบภัยญี่ปุ่นผ่านผู้แทนสถานทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย
ได้ยินได้ฟังเช่นนี้แล้วค่อยเบาใจไปเปลาะหนึ่ง ส่วนใครที่มีเวลาว่างจะไปนั่งพับนกพับกาก็ไม่ว่ากัน...
หากย้อนกลับไป จำได้ว่าประเทศไทยเคยมีบทเรียนจากเรื่องทำนองนี้มาแล้วหนหนึ่ง ตั้งแต่สมัยรัฐบาลทักษิณ ที่หวังจะสร้างสันติภาพในจังหวัดชายแดนใต้ ขณะที่ปากก็ยังก่นด่าและท้าทายโจรกระจอกออกทีวีแทบทุกวัน
ครั้งนั้นมีการโหมประโคมให้หน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนทั่วทุกภูมิภาคร่วมกันพับนกกระดาษ ก่อนจะโปรยลงมาให้เกลื่อนพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่ก็ไม่ได้ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้นมาแม้แต่น้อย แถมยังมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ตามหลังอีกนับไม่ถ้วนว่าเป็นการขัดแย้งกับความเชื่อทางศาสนา
หนำซ้ำยังมีการสร้างอนุสาวรีย์นกกระดาษขนาดยักษ์ใจกลางเมืองนราธิวาสให้เกะกะรกหูรกตาประชาชน โดยที่รัฐบาลไม่รู้เลยว่าสิ่งที่คนชายแดนใต้ต้องการ ไม่ใช่เรื่องของกำลังใจอะไรนักหนา เพียงแต่ต้องการคืนความเป็นธรรม การเคารพในสิทธิมนุษยชนและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
หันกลับมามองการบริหารราชการของผู้ว่าฯ กทม.ยุคนี้ ก็มีเรื่องพิลึกพิลั่นให้เห็นอยู่มิใช่น้อย อย่างล่าสุดที่จะผุด “ซูเปอร์สกายวอล์ก” 1.5 หมื่นล้าน โดยที่ไม่เคยถามไถ่ประชาชนคนเดินถนนแม้แต่คำเดียว และเรื่องอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งคงไม่มีพื้นที่พอให้สาธยายได้หมด
เอาเป็นว่า...นกกระดาษที่พับได้ เอาไปแขวนไว้หน้าศาลาว่าการ กทม. เพื่อเป็นกำลังใจให้ทั่นผู้ว่าฯ ของเราจะดีกว่ามั้ย?


