กรม สถ. ตั้งกองป้องกันภัยท้องถิ่น ยกระดับ อปท. รับมือภัยพิบัติ
กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น จัดตั้งกองป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยท้องถิ่น ยกระดับฐานข้อมูล เครื่องมือ บุคลากร มาตรฐานคุรุภัณฑ์ พร้อมทบทวนกฎหมายที่เป็นอุปสรรค เตรียมรับมือภัยพิบัติในอนาคต
KEY
POINTS
- กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) จัดตั้งหน่วยงานใหม่ในระดับกอง ชื่อว่า “กองป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยท้องถิ่น”
- มีเป้าหมายเพื่อเสริมศักยภาพและสนับสนุนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ให้สามารถรับมือกับภัยพิบัติได้อย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
- กองดังกล่าวจะทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการประสานงาน พัฒนามาตรฐาน และสนับสนุน อปท. ในการจัดการสาธารณภัย โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 5 มกราคม 2569
กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ออกคำสั่งจัดตั้ง “กองป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยท้องถิ่น” เป็นหน่วยงานระดับกองภายในกรมฯ เพื่อยกระดับการสนับสนุนและประสานงานด้านการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ให้มีประสิทธิภาพและเป็นระบบมากขึ้น
การจัดตั้งดังกล่าวมีเป้าหมายเสริมความพร้อมของ อปท. ในการรับมือภัยพิบัติ ทั้งการป้องกัน การแจ้งเตือน การช่วยเหลือ เยียวยา และฟื้นฟูผู้ประสบภัย โดยกำหนดโครงสร้างภายในประกอบด้วย 3 หน่วยหลัก ได้แก่ ฝ่ายบริหารทั่วไป,กลุ่มงานส่งเสริมการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยและกลุ่มงานสนับสนุนช่วยเหลือและฟื้นฟูผู้ประสบภัย ครอบคลุมตั้งแต่งานนโยบาย มาตรฐานการป้องกันภัย การฝึกอบรมบุคลากร การจัดทำแผนเผชิญเหตุ ไปจนถึงการช่วยเหลือประชาชนในภาวะฉุกเฉิน
ในเชิงอำนาจหน้าที่ กองป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยท้องถิ่น จะทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการศึกษา วิเคราะห์ พัฒนามาตรฐานบริการสาธารณะด้านสาธารณภัย ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และสนับสนุน อปท. ทั้งในภาวะปกติและช่วงเกิดภัยพิบัติ รวมถึงการลดอุบัติเหตุทางถนนและการเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชน
คำสั่งดังกล่าวให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 5 มกราคม 2569 เป็นต้นไป โดยมีการกำหนดให้ผู้อำนวยการกองฯ เป็นหัวหน้าส่วนราชการระดับกอง และให้รองอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ดูแลกำกับติดตามการดำเนินงาน
การจัดตั้งกองดังกล่าวสะท้อนทิศทางของภาครัฐในการยกระดับบทบาทท้องถิ่น ให้เป็นด่านหน้ารับมือภัยพิบัติอย่างเป็นระบบ ลดความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน พร้อมเพิ่มความคล่องตัวในการจัดการสถานการณ์ฉุกเฉินในระดับพื้นที่อย่างยั่งยืน.


