posttoday

ศึก “2ณรงค์” ชิงเก้าอี้ประธาน กกต. เดิมพันอำนาจองค์กรอิสระ

14 พฤศจิกายน 2568

ศึกชิงประธาน กกต. กลายเป็นรอยแยกใหญ่กลางองค์กรอิสระ เมื่อ “สองณรงค์” จากสองสายอำนาจปะทะกัน ท่ามกลางเงาวุฒิสภา–คดีฮั้ว ที่เขย่าความน่าเชื่อถือ

KEY

POINTS

  •  การเผชิญหน้าระหว่าง “สองณรงค์” สะท้อนการแยกขั้วภายใน กกต.
  •  สว.ผู้แต่งตั้ง กกต. ถูกตั้งคำถามเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนจาก “คดีฮั้วเลือกกันเอง”
  •  อนาคตความน่าเชื่อถือของการเลือกตั้งไทยผูกโยงกับความชอบธรรมของประธาน กกต. คนใหม่
     

ศึกสองณรงค์ชิงประธานกกต. เดิมพันอำนาจกลางองค์กรอิสระ

 กกต.กำลังเข้าสู่จุดเปลี่ยนสำคัญที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์องค์กร หลังประธาน กกต. นายอิทธิพร บุญประคอง และกรรมการนายสันทัด ศิริอนันต์ไพบูลย์ ครบวาระ ทำให้เกิดช่องว่างเชิงอำนาจในช่วงที่ประเทศกำลังเข้าสู่ฤดูกาลเลือกตั้งท้องถิ่น และอาจรวมถึงการเลือกตั้งใหญ่ในอนาคตอันใกล้

การคัดเลือกประธาน กกต. จึงไม่ใช่เรื่องภายในองค์กรเท่านั้น แต่เป็น **เดิมพันเชิงโครงสร้างของประชาธิปไตยไทย** ว่ากลไกกลางด้านการเลือกตั้งจะยืนหยัดได้มั่นคงเพียงใดในห้วงวิกฤตศรัทธาต่อองค์กรอิสระ

“ณรงค์ vs ณรงค์” รอยแยกของสองวัฒนธรรมอำนาจ

การเผชิญหน้าครั้งนี้มีผู้ท้าชิงชื่อ “ณรงค์” เหมือนกันสองคน แต่เดินมาจากเส้นทางต่างกันราวสองโลก

ณรงค์ รักร้อย – สายปกครอง 
ปลัดอำเภอ → หัวหน้าสำนักงานจังหวัด → รองผู้ว่าฯ → ผู้ว่าฯ อุทัยธานี

ณรงค์ กลั่นวารินทร์ – สายตุลาการ 
ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ → อธิบดีศาลล้มละลายกลาง → ผู้พิพากษาศาลฎีกา

ความแตกต่างเชิงวัฒนธรรมนี้ ทำให้การเลือกประธาน กกต. กลายเป็นการต่อสู้เชิงแนวคิด—ระหว่าง "สายบริหารที่รู้จักกลไกรัฐ"กับ"สายกฎหมายที่ยึดกระบวนการตีความเคร่งครัด"

สถานการณ์ยิ่งทวีความเข้มเมื่อกรรมการเดิมอีกสองคน "สิทธิโชติ อินทรวิเศษ"และ"ชาย นครชัย" ลงสนามชิงตำแหน่งด้วย ทำให้รอบแรกออกผลเป็น "4 ต่อ 3 ไม่ให้ผ่าน"ส่งแรงสะเทือนชัดถึงความแตกแยกภายในองค์กร

แรงสะท้อนภายนอก บทบาทวุฒิสภา เงาคดีฮั้ว 

ความขัดแย้งภายในยังโยงไปถึงแรงกดดันจากภายนอก เมื่อ "วุฒิสภา"ซึ่งเป็นผู้แต่งตั้งกรรมการ กกต. ทั้งหมดกำลังจะเลือกเพิ่มจนครบ 7 คนในปีนี้ และ"สว. ชุดเดียวกันนี้กำลังถูกกล่าวหาในคดี “ฮั้วเลือกกันเอง”

นั่นหมายความว่า "องค์กรที่ถูกตรวจสอบ กำลังแต่งตั้งองค์กรที่ต้องมาตรวจสอบตัวเอง"

ปรากฏการณ์นี้จึงกลายเป็นคำถามเชิงโครงสร้างที่สั่นคลอนความชอบธรรมขององค์กรอิสระอย่างรุนแรง

เดิมพันใหญ่: ความน่าเชื่อถือการเลือกตั้ง 

การเลือกประธาน กกต. ครั้งนี้จะส่งผลโดยตรงต่อ:

  • การเลือกตั้งนายก อบต. และสภาท้องถิ่น
  • การเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.
  • และอาจรวมถึง"การเลือกตั้งสส. ครั้งต่อไป"

หากผู้นำองค์กรถูกตั้งคำถามเรื่องความเป็นกลาง ผลกระทบจะลามไปถึง"ความเชื่อมั่นของประชาชนต่อทุกผลการเลือกตั้ง"ที่จะตามมา

 
 

กกต. ต้องชนะมากกว่าศึกในองค์กร—ต้องครองใจประชาชน 

ศึก “สองณรงค์” ไม่ใช่แค่การแย่งตำแหน่ง แต่คือการเปิดหน้าต่างให้สังคมเห็นถึง **ปัญหาเชิงโครงสร้างขององค์กรอิสระไทย** ตั้งแต่ความแตกแยกภายใน ไปจนถึงแรงกดดันจากวุฒิสภาที่ถูกตั้งข้อกล่าวหาเอง

อนาคตของประธาน กกต. คนใหม่จึงไม่ใช่เพียงภารกิจจัดการเลือกตั้งให้เรียบร้อย แต่ต้อง"ฟื้นความศรัทธาของสาธารณชน"และพิสูจน์ว่ากลไกอิสระยังเป็นเสาหลักประชาธิปไตยได้ ท่ามกลางแรงดึงรั้งทางการเมืองที่ซับซ้อนกว่าที่เคย

เรียบเรียง : อมรเดช ชูสุวรรณ บรรณาธิการข่าวการเมือง
ที่มา : เนชั่นอินไซต์ (คลิ๊กชม) 

ข่าวล่าสุด

ซีอีโอซีพีลุยใต้ นำทีมฟื้นฟูโรงเรียน-ชุมชน-โรงพยาบาล หลังน้ำท่วม พร้อมหาทางป้องกันระยะยาว