กมธ.รัฐธรรมนูญเคาะสูตร “20 จับ 1” คัดผู้ร่าง กันผูกขาดสีเดียว

ที่รัฐสภา คณะกรรมาธิการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม มีมติ 19 เสียง เห็นชอบโครงสร้างใหม่ของกระบวนการคัดเลือกคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ (กมธ.ยกร่างฯ) ตามมาตรา 256/5 โดยยึดหลักให้ สมาชิกรัฐสภารวมกลุ่ม 20 คนเพื่อเลือก กมธ.ได้ 1 คน ซึ่งเป็นข้อเสนอของ นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน

กันผูกขาดด้วยเสียงข้างมาก ใช้เกณฑ์ 2 ใน 3 

มติดังกล่าวปรับรายละเอียดเพิ่มเติมว่า หากรัฐสภาไม่สามารถรวมกลุ่มได้ครบจนเลือก กมธ.ได้ไม่ครบ 35 คน ให้เปิดโหวตจากบัญชีรายชื่อที่เสนอเข้ามา โดยให้เลือกตามจำนวนที่ขาด และต้องได้เสียงไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 เหตุผลสำคัญเพื่อ “กันลากไป” และให้มีส่วนผสมของทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน

นาย นรเศรษฐ์ ปรัชญากร ส.ว. โฆษกกมธ. ระบุว่า หากยังไม่ครบภายในกำหนด 60 วันแต่ได้ไม่น้อยกว่า32 คน (90%) กระบวนการสามารถเดินหน้าต่อได้

“พริษฐ์” ยันไม่เอา สสร. ชี้เสี่ยงห่างประชาชน – เปิดช่องผูกขาด 

ก่อนประชุม นายพริษฐ์ย้ำจุดยืนว่า กมธ.ซีกพรรคประชาชน 8 เสียงยังยืนยันตามร่างที่เสนอ คือ ไม่เพิ่มสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) เพราะเป็นชั้นกลางที่ไม่ได้มาจากประชาชน และอาจนำไปสู่การผูกขาดการเลือกผู้ร่าง หากสสร.สีใดสีหนึ่งได้เสียงเกินกึ่งหนึ่ง

เขาระบุว่า “สิ่งที่กังวลคือ หาก สสร.มาเลือก กมธ.อีกชั้น อาจกลายเป็นสีเดียวทั้งคณะ เหมือนกรณีกมธ.สอบประวัติองค์กรอิสระที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว”

เพื่อไทยสวน—ห่วง “ล็อกสเปก” และบทบาทประชาชน 

ด้าน นายชูศักดิ์ ศิรินิลสส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เห็นแย้งว่า การไม่มี สสร.ทำให้กระบวนการห่างประชาชนขึ้น พร้อมตั้งคำถามว่าที่มาของ กมธ.ยกร่างในระบบใหม่นี้จะถูกออกแบบอย่างไร และจะป้องกันการล็อกสเปกได้จริงหรือไม่

นายชูศักดิ์ยังชี้ว่าพรรคภูมิใจไทยเคยสนับสนุน สสร. แต่เปลี่ยนจุดยืน ซึ่งสะท้อนว่าอาจมีการตกลงทางการเมืองบางประการ

สัปดาห์นี้ชี้ชะตา “ที่มา กมธ.ยกร่าง”

ในช่วงบ่าย คณะกรรมาธิการจะพิจารณามาตรา 256/2 ว่าด้วย “ที่มา” ของผู้ยกร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งยังต้องหาฉันทามติว่าจะคงรูปแบบบัญชีรายชื่อให้ประชาชนเลือก หรือปรับเป็นเปิดรับสมัครและให้รัฐสภาโหวต

นายพริษฐ์ทิ้งท้ายว่า “กมธ.ต้องตอบโจทย์สองด้านคือ ฉันทามติรัฐสภา และความยอมรับจากประชาชน หากประชาชนไม่เห็นด้วย การร่างใหม่ก็เดินต่อไม่ได้”