แก๊งตุ๋นกักตุนน้ำตาลอ้างสนิทนักการเมือง
แจ้งความกองปราบดำเนินคดีแก๊งตุ๋นกักตุนน้ำตาลพาดูคลังสินค้า อ้างรู้จักนักการเมืองระดับประเทศ เสียหายนับร้อยล้าน
แจ้งความกองปราบดำเนินคดีแก๊งตุ๋นกักตุนน้ำตาลพาดูคลังสินค้า อ้างรู้จักนักการเมืองระดับประเทศ เสียหายนับร้อยล้าน
ที่ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) นายอภิชาติ นุกูลกิจ ทนายความ รับมอบอำนาจจากนายสมศักดิ์ เนตรเนรมิตร อายุ 69 ปี อดีตสมาชิกสภาจังหวัด (สจ.) ชลบุรี เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.ศิววงศ์ ดำรงสัจจ์ศิริ พงส.(สบ2) กก.1 บก.ป.เพื่อขอเลื่อนการเข้ารับทราบข้อกล่าวหาคดีร่วมกันฉ้อโกง ตามหมายเรียกของพนักงานสอบสวน บก.ป.โดยนำใบรับรองแพทย์จาก รพ.บำรุงราษฎร์ มามอบให้พนักงานสอบสวนไว้พิจารณา
สืบเนื่องจากเมื่อเดือน ธ.ค.2553 นายปิติพล ถิ่นพนม อายุ 46 ปี กรรมการบริษัท เอส เอส เวิลด์ อิมพอร์ต จำกัด อยู่บ้านเลขที่ 176/418 ซอยประชาอุทิศ 17 แขวงดอนเมือง เขตดอนเมือง กทม.เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน บก.ป.ให้ดำเนินคดีกับนายสมศักดิ์ พร้อมกับ นายสุทธิพันธ์ พรมแจ้ง อายุ 41 ปี และนายสมศักดิ์ ศักดิ์เกษมชัยกุล อายุ 65 ปี ในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกง หลังจากเมื่อเดือน ส.ค.2552 นายปิติพล ได้รับการติดต่อจากนายสมศักดิ์ อดีต ส.จ.ชลบุรี อ้างว่ามีน้ำตาลทรายขาวเป็นจำนวนมากภายในโกดัง โดยเป็นน้ำตาลที่ผลิตเกินจากโควต้าที่รัฐบาลกำหนดนโยบายสามารถนำออกมาขายให้ได้ในราคาถูกต่ำกว่าราคาในท้องตลาด
จากนั้นนายสมศักดิ์ ได้พานายปิติพล ไปดูโกดังที่เก็บน้ำตาล 3 แห่ง ในพื้นที่ อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ 2 แห่ง และที่โกดังใกล้ท่าเรือแหลมฉบัง จ.ชลบุรี อีกแห่ง ทำให้นายปิติพล หลงเชื่อ จนกระทั่งเมื่อเดือน ก.ย.2552 จึงตกลงทำสัญญาซื้อขายน้ำตาลดังกล่าวรวม 2 ครั้ง โดยสัญญาแรกเป็นจำนวน 10,000 ตัน และสัญญาที่ 2 อีกจำนวน 2,500 ตัน คิดเป็นมูลค่าสินค้ารวม 198 ล้านบาท โดยนายปิติพล ต้องเงินค่ามัดจำล่วงหน้า 10% เป็นเงิน 19.8 ล้านบาท โดยสัญญาระบุว่ามีกำหนดส่งมอบสินค้าเสร็จสิ้นภายใน 30 วัน
ต่อมา นายปิติพล ได้ติดต่อขายน้ำตาลกับลูกค้าที่ประเทศสิงคโปร์ 1 ราย และมาเลเซีย 8 ราย ตั้งแต่เดือน พ.ย.2552 –ก.พ.2553 เพื่อเตรียมระบายน้ำตาลที่ติดต่อซื้อจากนายสมศักดิ์ นำไปส่งมอบลูกค้าทันทีที่ได้รับสินค้า แต่ภายหลังใกล้กำหนดการส่งมอบแล้วกลับยังไม่ได้รับมอบน้ำตาลดังกล่าว นายปิติพล จึงสอบถามไปยังนายสมศักดิ์ ก็ถูกกล่าวอ้างว่าให้ไปรอรับสินค้าที่ปลายทางได้เลยเนื่องจากเตรียมจัดส่งทางเรือบรรทุก แต่แล้วก็ยังไม่มีการจัดส่ง เมื่อมีการทวงถามอีกหลายครั้ง นายสมศักดิ์ ก็จะอ้างถึงปัญหาติดขัดต่างๆ ซึ่งทราบภายหลังว่ามีการจัดพิมพ์เอกสารให้ข้อความตกหล่นไป
อย่างไรก็ตาม นายปิติพล ได้โทรศัพท์ไปหานายสมศักดิ์ และมีการนัดหมายเพื่อเจรจาเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้นที่บ้านพักในหมู่บ้านนภาลัย ย่านบางนา กทม.ซึ่งนายสมศักดิ์ ยังคงยืนยันว่าไม่คิดจะฉ้อโกงและพยายามอธิบายเพื่อสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจว่าขณะนี้ต้องรอให้นักการเมืองระดับชาติรายหนึ่งเซ็นอนุมัติเท่านั้นก็จะสามารถนำน้ำตาลออกจากโกดังไปส่งมอบได้ทันที แต่นายปิติพล ก็มีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องเครดิตในการทำธุรกิจเนื่องจากเงินที่ใช้สั่งซื้อเป็นเงินหมุนที่ต้องจ่ายดอกเบี้ยตลอดเวลาจึงตัดสินใจขอยกเลิกสัญญาซื้อขายครั้งแรกไปก่อน
เมื่อมีการยกเลิกสัญญาซื้อขายครั้งแรกเมื่อเดือน ธ.ค.2553 นายสมศักดิ์ ยินยอมที่จะจ่ายเงินคืนจำนวน 15.8 ล้านบาทโดยออกเป็นเช็คแต่ภายหลังไม่สามารถนำไปขึ้นเงินได้ นายปิติพล จึงฟ้องร้องต่อศาลแขวงชลบุรี เพื่อดำเนินคดีกับนายสมศักดิ์ โดยขณะนี้คดีดังกล่าวอยู่ระหว่างการพิจารณาคดีในชั้นศาล
ในที่สุด นายปิติพล ได้นำข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการถูกฉ้อโกงไปแลกเปลี่ยนกับกลุ่มนักธุรกิจในวงการนำเข้าและส่งออกจึงพบว่ามีนักธุรกิจอีกอย่างน้อย 5 ราย ที่ประสบปัญหาเดียวกันและมีการกระทำจากกลุ่มบุคคลกลุ่มเดียวกันอีกด้วย นายปิติพล จึงเข้าแจ้งความที่ บก.ป.ส่วนผู้เสียหายรายอื่นๆ มีการเข้าแจ้งความไว้ที่ สน.ห้วยขวาง และ สน.สุทธิสาร มาแล้วก่อนหน้านี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการตรวจสอบข้อมูลของพนักงานสอบสวนยังพบว่ายังมีการร้องทุกข์จากกรณีการฉ้อโกงน้ำมันเครื่อง และน้ำมันเชื้อเพลิงโดยผู้เสียหายจะถูกหลอกลวงจากพฤติการณ์การกระทำความผิดที่คล้ายคลึงกันคือมีการพาผู้เสียหายไปดูคลังเก็บสินค้าเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือก่อนจะอ้างถึงความสนิทสนมกับนักการเมืองระดับชาติมีเส้นสายที่สามารถนำสินค้ามาขายได้ในราคาถูกสร้างความเสียหาย เท่าที่ตรวจสอบพบรวมแล้วเกือบ 300 ล้านบาท
ด้าน พ.ต.ท.ศิววงศ์ กล่าวว่า สำหรับกรณีของนายสมศักดิ์ นั้น พนักงานสอบสวนได้ออกหมายเรียกให้เข้ามารับทราบข้อกล่าวหาเป็นครั้งที่ 2 แต่นายสมศักดิ์ อ้างเหตุผลว่าขณะนี้ป่วยต้องเข้ารับการรักษาอยู่ที่ รพ.บำรุงราษฎร์ จึงมอบอำนาจให้ทนายความ นำใบรับรองแพทย์มาชี้แจงเหตุที่ไม่สามารถเดินทางมาพบพนักงานสอบสวนตามนัดได้ อย่างไรก็ดี ตนได้นำเรื่องเสนอต่อผู้บังคับบัญชาเพื่อพิจารณาถึงเหตุผลดังกล่าว ซึ่งผู้บังคับบัญชาเห็นว่าสามารถเข้าแจ้งข้อกล่าวหากับนายสมศักดิ์ ที่ รพ.ดังกล่าว จึงเดินทางไปแจ้งข้อกล่าวหาในวันเดียวกัน
จากการสอบปากคำเบื้องต้น นายสมศักดิ์ ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา และขอต่อสู้คดีในชั้นศาล ในส่วนของ นายสุทธิพันธ์ พรมแจ้ง และนายสมศักดิ์ ศักดิ์เกษมชัยกุล ซึ่งได้ออกหมายเรียกเป็นครั้งแรกในวันเดียวกันนี้ แต่ทั้งสองก็ยังไม่ได้ติดต่อขอเข้าพบพนักงานสอบสวนแต่อย่างใด ทางพนักงานสอบสวนจึงเตรียมออกหมายเรียกซ้ำแล้ว


