เฉลิมชัยแยกทางประชาธิปัตย์ เลือดใหม่ไหลออก เลือดเก่าฟื้นคืน

พรรคถ่ายเลือดกลางสนามการเมือง

การเปลี่ยนแปลงภายในพรรคประชาธิปัตย์ครั้งนี้สะท้อนสัญญาณ “ถ่ายเลือด” ที่ไม่อาจเลี่ยงได้ หลัง ส.ส. หลายจังหวัดเริ่มทยอยลาออกตาม เฉลิมชัย ศรีอ่อน อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ผู้เคยเป็นเสาหลักของกลุ่มภาคใต้ เสียงสะพัดจากหลายพื้นที่ระบุว่ามีอย่างน้อย 9–10 คนเตรียมย้ายพรรค โดยครึ่งหนึ่งมุ่งหน้าไปสังกัด พรรคภูมิใจไทย

ในพื้นที่ภาคใต้ เช่น ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร นครศรีธรรมราช สงขลา และนราธิวาส ป้าย “เพื่อนเฉลิมชัย” ถูกติดตั้งทั่วออฟฟิศการเมือง บ่งชี้ถึงการรวมพลังนอกพรรคเดิม ขณะที่รายชื่อ ส.ส. ระดับหัวแถวอย่าง ประมวล พงศ์ถาวราเดช  และ เดชอิศม์ ขาวทอง ต่างถูกคาดหมายว่าจะตามผู้นำกลุ่มออกไป

โจทย์ใหม่ของ “อภิสิทธิ์” และพรรคที่เหลืออยู่

สถานการณ์นี้ทำให้ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในฐานะหัวหน้าพรรค ต้องรับภารกิจฟื้นพรรคแทบจากศูนย์ เขตเลือกตั้งที่เคยเป็นฐานแข็งแกร่งอย่างตรังและสุราษฎร์ธานีสูญเสียทั้งหมด ทำให้ประชาธิปัตย์ต้องพึ่ง “คะแนนนิยมเชิงสถาบัน” แทนเครือข่ายผู้สมัคร

อภิสิทธิ์เคยยอมรับว่า การกลับมาครั้งนี้ “มีแต่จะขาดทุนกับเท่าทุน” แต่ชื่อเสียงทางหลักการและความน่าเชื่อถืออาจยังดึงคะแนนปาร์ตี้ลิสต์ได้ราว 3–4 ล้านเสียง ซึ่งถือเป็นเป้าหมายสำคัญในการรักษาพรรคให้อยู่รอด

เลือดเก่าหวนคืน จุดไฟฟื้นจิตวิญญาณพรรค

อีกด้าน หนึ่งในจุดแข็งของอภิสิทธิ์คือการดึงอดีตสมาชิกกลับมาช่วยงาน พรรคเริ่มเห็นชื่อของอดีตคนคุ้นหน้า เช่น กรณ์ จาติกวนิช, อานิก อัมระนันทน์ , สาธิต ปิตุเตชะ, กอบศักดิ์ สภาวสุ, อัญชลีวานิช เทพบุตร และอีกหลายคนจากยุคทองของพรรค กลับมาร่วมวางยุทธศาสตร์

พรรคประชาธิปัตย์จึงอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อระหว่าง “การสูญเสียเลือดใหม่” กับ “การฟื้นคืนเลือดเก่า” — การเดินเกมของอภิสิทธิ์ครั้งนี้จะเป็นบทพิสูจน์ว่า พรรคที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย ยังมีพลังพอจะเขียนบทใหม่ให้การเมืองไทยได้หรือไม่.