posttoday

‘สุวัจน์’ ชี้ไทยเผชิญ ‘หน้าผาทางการคลัง’ รัฐบาลหน้าอย่าหวังเล่นการเมืองแบบ ‘ประชานิยม’

23 ตุลาคม 2568

‘สุวัจน์ ลิปตพัลลภ’ ชี้ไทยกำลังอยู่บน ‘หน้าผาทางการคลัง’ หนี้สูง รัฐบาลหน้าอย่าหวังเล่นการเมืองแบบ ‘ประชานิยม’

KEY

POINTS

  • นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ชี้ว่าประเทศไทยกำลังเผชิญภาวะ "หน้าผาทางการคลัง" เนื่องจากหนี้สาธารณะสูงเกือบชนเพดาน งบประมาณขาดดุล และมีพื้นที่ทางการคลังเหลือน้อยลง
  • เตือนรัฐบาลชุดต่อไปว่าไม่สามารถดำเนินนโยบายประชานิยมเพื่อหาเสียงได้อีกต่อไป เพราะประเทศไม่มีทรัพยากรเพียงพอสำหรับนโยบายดังกล่าว
  • เสนอว่ารัฐบาลใหม่ต้องมีเสถียรภาพและมุ่งเน้นการแก้ปัญหาเศรษฐกิจระยะยาว เช่น การปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ การรับมือสังคมสูงวัย และการส่งเสริมการท่องเที่ยว

นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนา อดีตรองนายกรัฐมนตรี ได้ให้สัมภาษณ์พิเศษกับ ‘มติชนออนไลน์’ ในประเด็นที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะประเด็น การฉายภาพเศรษฐกิจประเทศไทยที่กำลังเผชิญจนต้องปรับเปลี่ยนกันขนานใหญ่ และมองข้ามช็อตไปดูว่ารัฐบาลใหม่หลังการเลือกตั้ง จะต้องรับมือกับ 6 เรื่องสำคัญอย่างไร?

 

 

‘หน้าผาทางการคลัง’ ความท้าทายเศรษฐกิจไทยยุคนี้!

 

นายสุวัจน์มองว่า เศรษฐกิจโลกในวันนี้เป็นยุคที่มีความผันผวนมากที่สุด นับตั้งแต่โควิด สืบเนื่องมาเจอปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ ปัญหาสงครามการค้า ปัญหาสงครามจริงๆ และล่าสุดก็ภาษีทรัมป์ ที่ทั่วโลกได้รับผลกระทบ ซึ่งในยุคเทคโนโลยีดิสรัปชั่นก็หนักแล้ว แต่วันนี้เป็นเรื่องเอไอซึ่งหนักมากกว่า

ประกอบกับเศรษฐกิจโลกเริ่มเปลี่ยนทิศทางไปสู่กรีนอีโคโนมีอีก หมายความว่า ทุกอย่างเป็นเศรษฐกิจสีเขียว ต้องมีมาตราฐานเรื่องสิ่งแวดล้อม โลกร้อน สนใจสิทธิมนุษยชน เรื่องสตรี ความหลากหลายทางเพศ มีเรื่องความยั่งยืนต่างๆเข้ามาเกี่ยวข้อง

รวมไปถึงปัญหาสังคมสูงวัย ที่มีจำนวนกว่า 20% หรือ 15 ล้านคนจากประชากร 60 กว่าล้านคน ทำให้มีภาระด้านสวัสดิการการดูแลผู้สูงอายุมากขึ้น แต่กำลังการผลิตและทำงานของคนในชาติน้อยลง

 

โดยนายสุวัจน์มองว่ามีผลกระทบโดยตรงกับเศรษฐกิจไทย จีดีพีเราไม่โตเลย ไตรมาสแรก 3 % ไตรมาสที่สองก็ 3 % พอไตรมาสที่สาม 1 % กว่า ไตรมาสสุดท้ายอาจจะ 1 % กว่าเช่นกัน เฉลี่ยปีนี้ประเทศไทยอาจไม่ถึง 2 % ซึ่งประเทศไยไม่ถึง 2 % มาเกือบ 20 ปี

 

ส่วนสำคัญคือ Fiscal Spaces หรือ พื้นที่ทางการคลัง ที่ประเทศไทยเหลือน้อยลงไปทุกที ประเทศไทยกำลังเดินหน้าไปสู่ ‘หน้าผาทางการคลัง’ แล้ว

เนื่องจากเงินประเทศน้อยลง หนี้สินมาขึ้น หนี้ 65% ของจีดีพีซึ่งเรียกได้ว่าชนเพดาน หรือการขาดดุลงบประมาณ 4.5% ซึ่งนำไปสู่การจัดเครดิตเรตติ้งต่างๆ ที่จะทำให้ไทยกู้เงินยากขึ้น ดอกเบี้ยสูง เท่ากับว่าเงินที่จะใช้จ่ายในการพัฒนาประเทศน้อยลง!

 

ชี้การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจระยะยาวเป็นภาระของรัฐบาลใหม่ หยุดขายนโยบาย ‘ประชานิยม’

 

นายสุวัจน์ยังกล่าวด้วยว่า การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจในยะยาวนั้นเป็นเรื่องของรัฐบาลใหม่ แม้ว่าตนจะไม่รู้ว่าการเลือกตั้งจะนำไปสู่รัฐบาลหน้าตาแบบไหน แต่ส่วนตัวมองว่าระหว่างนี้จะเป็นโอกาสให้นักการเมืองเตรียมตัวสำหรับเลือกตั้ง

โดยย้ำว่า การเมืองต้องเข้ามาแก้ไขปัญหา และสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจให้กับประเทศจริงๆ ด้วยนโยบายที่สอดคล้องกับสถานการณ์ของประเทศและของโลก

 

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น สิ่งหนึ่งที่ต้องตระหนักและยอมรับความจริงกันได้แล้ว คือ การใช้นโยบายประชานิยมมาเป็นจุดขายเพื่อให้ได้ชัยชนะในการเลือกตั้ง

 

เพราะเนื่องจากวันนี้เศรษฐกิจไทยยืนอยู่บน ‘หน้าผาทางคลัง’ ซึ่งทำให้ประเทศไม่มีทรัพยากรเพียงพอ การเมืองจึงต้องช่วยกันคิดนโยบายที่มีประสิทธิภาพ และนำไปสู่เศรษฐกิจที่ดีขึ้น มีการลงทุน รัฐมีรายได้ เอสเอ็มอีอยู่รอด และประชาชนมีงานทำ

 

 

6 นโยบายสำคัญ ของรัฐบาลหลังเลือกตั้ง!

 

นายสุวัจน์ มองว่าภารกิจของรัฐบาลใหม่หลังเลือกตั้งที่จะต้องทำอย่างจริงจังมี 6 เรื่อง ได้แก่

 

  1. การปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะโครงสร้างการผลิตของภาคอุตสาหกรรม เน้นการผลิตที่มีมาตรฐาน สนใจเรื่องโลกร้อนและการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ตั้งอยู่บนพื้นฐานการพัฒนาอย่างยั่งยืน
  2. ยกระดับ SME ต้องทำให้ขึ้นมาเผชิญหน้ากับการท้าทายของความผันผวนของโลกให้ได้
  3. สังคมผู้สูงอายุ  ต้องยกให้เป็นวาระแห่งชาติสำคัญ จะเกษียณอายุอย่างไร จะขยายเป็นอายุ 65 ดีหรือไม่ หรือจะดูแลสวัสดิการอย่างไร
  4. คุณภาพการศึกษา โดยการพัฒนาการวัดผลคุณภาพการศึกษาของเยาวชนไทย เน้นเรื่อง STEM เป็นหลัก เด็กไทยต้องเก่งกว่าเดิม
  5. การท่องเที่ยว ต้องเป็นแกนหลักให้กับเศรษฐกิจของประเทศ เช่น การสร้าง Medical Hub , Wellness Hub หรือ Man-made Destination ใหม่ๆ ที่มีคาแรกเตอร์เฉพาะของตนเอง และจำเป็นต้องมีโครงสร้างพื้นฐานที่ส่งเสริมการท่องเที่ยว
  6. สินค้าเกษตร ต้องทำอย่างจริงจัง ไม่ใช่แค่แปรรูป แต่ต้องมีการใช้เทคโนโลยีเข้าไปสร้างมูลค่าเพิ่ม

 

ทั้งนี้  นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ย้ำว่า การจะทำภารกิจดังกล่าวได้ ปัจจัยสำคัญคือ ‘เราต้องการรัฐบาลที่มีเสถียรภาพ’ นอกจากนี้ ‘ตัวนายกรัฐมนตรี’ ก็เป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องได้คนที่มีคุณสมบัติครบเครื่อง

 

นี่คือแนวคิดจาก ‘สุวัจน์’ ผู้ที่ ‘นายกฯหนู’ เคยยกว่าเป็นผู้ให้กำเนิดทางการเมือง.

ข่าวล่าสุด

ตำรวจไซเบอร์-ทหาร ถกเข้มชายแดนสระแก้ว เตรียมรับคนไทยจากกัมพูชากลับบ้าน!