posttoday

สว.สำรองยื่นศาล รธน. วินิจฉัย MOA ปชน.–ภูมิใจไทย ขัดรธน.หรือไม่

17 ตุลาคม 2568

“อัครวัฒน์” นำทีม สว.สำรอง ยื่นศาลรัฐธรรมนูญ ขอวินิจฉัย MOA ระหว่างประชาชน–ภูมิใจไทย ขัดรัฐธรรมนูญและกฎหมายพรรคการเมืองหรือไม่

KEY

POINTS

  • กลุ่ม สว.สำรอง นำโดยนายอัครวัฒน์ พงศ์ธนาชลิตกุล ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยว่าบันทึกความเข้าใจ (MOA) ระหว่างพรรคประชาชนและพรรคภูมิใจไทยขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่
  • ผู้ร้องกล่าวหาว่าข้อตกลงดังกล่าวมีลักษณะบ่อนทำลายระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และเป็นการใช้ช่องทางการเมืองเพื่อแลกเปลี่ยนผลประโยชน์
  • การยื่นคำร้องครั้งนี้มีความเชื่อมโยงกับคดีฮั้ว สว. โดยกลุ่มผู้ร้องเตือนไม่ให้มีการแทรกแซงพยานหลักฐานและเตรียมจะยื่นฟ้องคดีต่อศาลอาญาคดีทุจริตฯ เพิ่มเติม

เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม ที่ศาลรัฐธรรมนูญ นายอัครวัฒน์ พงศ์ธนาชลิตกุล สมาชิกวุฒิสภาสำรอง พร้อมคณะ สว.สำรอง และทีมทนายความ เข้ายื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ขอให้วินิจฉัยตาม มาตรา 49 วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญ ว่า การจัดทำบันทึกความเข้าใจ (MOA) ระหว่างนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชนและผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กับนายอนุทิน ชาญวีรกูลหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ หรือพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองหรือไม่

นายอัครวัฒน์ ระบุว่า ข้อตกลงดังกล่าวมีลักษณะ“เซาะกร่อนและบ่อนทำลายระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข”และเป็นการใช้ช่องทางทางการเมืองเพื่อแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ระหว่างสองพรรค ซึ่งอาจทำให้ระบบรัฐสภาถูกบิดเบือนจากเจตนารมณ์แห่งรัฐธรรมนูญ หากศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องไว้พิจารณา เชื่อว่ามีพยานหลักฐานเพียงพอให้ศาลมีคำสั่งให้หยุดกระทำการดังกล่าวได้ ซึ่งจะส่งผลต่อเสถียรภาพของรัฐบาลนายอนุทินอย่างแน่นอน

การยื่นคำร้องครั้งนี้ยังเชื่อมโยงกับสำนวนคดีฮั้ว สว. ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โดยขอเตือน“รัฐบาลนายอนุทิน”และกลุ่มการเมืองสายสีน้ำเงินว่าอย่าแทรกแซงหรือเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับพยานหลักฐานในสำนวนดังกล่าว เพราะตนจะใช้อำนาจศาลเรียกสำนวนมาศาลเพื่อตรวจสอบ หากพบพิรุธหรือขั้นตอนใดไม่ชอบ อาจมีผู้เกี่ยวข้องต้องรับโทษเพิ่มเติม

นายอัครวัฒน์ ยังตั้งข้อสงสัยถึงการตั้ง คณะอนุกรรมการวินิจฉัยคณะที่ 36 ของ กกต. ว่ามีวัตถุประสงค์ใด เนื่องจากก่อนหน้านี้ กกต.ได้ตั้งคณะอนุกรรมการไว้แล้ว 35 คณะ จึงมองว่าการเพิ่มคณะใหม่อาจมีนัยทางการเมือง

สำหรับความคืบหน้าในคดีฮั้ว สว. ที่กลุ่มของตนได้ร้องทุกข์กล่าวโทษ กกต. และนายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต.ต่อพนักงานสอบสวน สน.ทุ่งสองห้องนั้น นายอัครวัฒน์ ระบุว่า สำนวนคดีนี้ต้องส่งต่อให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย ป.ป.ช.

ทั้งนี้ กลุ่ม สว.สำรองเตรียมจะ ยื่นฟ้องคดีต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางในสัปดาห์หน้า โดยยืนยันว่ารวบรวมพยานหลักฐานไว้อย่างครบถ้วนและมีน้ำหนักเพียงพอให้ศาลรับไว้พิจารณาได้

นายอัครวัฒน์ ย้ำว่า การดำเนินการของกลุ่มตนไม่เกี่ยวข้องกับกลุ่มของนายวิเชียร ศรีสุด หรือ “สภาเที่ยงธรรม” ที่เป็นผู้สมัคร สว.สอบตกซึ่งยื่นฟ้องคดีไปก่อนหน้านี้ เพราะเป็นสิทธิคนละส่วน “มวยคนละกึ๋นกัน” พร้อมยืนยันว่ากลุ่มของตนเป็น “กลุ่ม สว.สำรองแท้” ที่ใช้สิทธิตาม มาตรา 88 แห่ง พ.ร.ป.การได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา และประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 2(4) ประกอบมาตรา 28(2)

“เราจะเดินหน้าฟ้องในประเด็นที่เกี่ยวกับการบิดเบือนกระบวนการสรรหาและความไม่โปร่งใสในคดีฮั้ว สว. เพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่า กลไกของรัฐธรรมนูญยังสามารถคุ้มครองผลประโยชน์ของประชาชนได้” นายอัครวัฒน์ กล่าว

ข่าวล่าสุด

LH Bank ออกผลิตภัณฑ์ประกันสุขภาพผู้ป่วยนอก “LHB OPD SAVER”