กฤษฎีกาแจง “สีหศักดิ์” ไป UN เป็นความจำเป็นเร่งด่วนตามรัฐธรรมนูญ
สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เผยกฤษฎีกาชี้ “สหศักดิ์” เดินทางไป UN เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ ถือเป็นความจำเป็นเร่งด่วนตามมาตรา 162 ไม่ต้องรอแถลงนโยบายก่อนปฏิบัติหน้าที่
KEY
POINTS
- นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รมว.ต่างประเทศ เดินทางไปประชุมสมัชชาสหประชาชาติ (UN) เพื่อชี้แจงท่าทีของไทยในประเด็นไทย-กัมพูชา
- การเดินทางเกิดขึ้นก่อนที่คณะรัฐมนตรีจะแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ทำให้เกิดข้อวิจารณ์ถึงความชอบด้วยกฎหมาย
- คณะกรรมการกฤษฎีกาชี้แจงว่าการเดินทางดังกล่าวเป็นเรื่องสำคัญและจำเป็นเร่งด่วน ซึ่งรัฐธรรมนูญมาตรา 162 อนุญาตให้ดำเนินการไปก่อนได้เพื่อรักษาประโยชน์ของแผ่นดิน
หลังมีการวิจารณ์เรื่องการเดินทางไปปฏิบัติหน้าที่ของ นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ที่สหประชาชาติก่อนการแถลงนโยบายของรัฐบาลต่อรัฐสภา ว่าชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
นายธวัชชัย จันทร์ไพศาลสิน ที่ปรึกษาประจำสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ปฏิบัติราชการแทนเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ได้ทำหนังสือถึงนาย บวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรี ระบุว่า
ด้วยในการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่วันที่ 25 กันยายน 2568 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเสนอว่า ได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรีให้เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเดินทางไปร่วม การประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยที่ 80 (UNGA 80) ในช่วงสัปดาห์ผู้นำ (High - Level Week) ระหว่าง วันที่ 23-30 กันยายน 2568 ณ นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยมีกำหนดการไปกล่าวถ้อยแถลงต่อสมัชชาสหประชาชาติในวันที่ 27 กันยายน 2568 และพบปะหารือกับเลขาธิการสหประชาชาติ รวมทั้งจะใช้โอกาสนี้ขี้แจงท่าทีไทยต่อที่ประชุมและประชาคมโลกในประเด็นไทย - กัมพูชา ให้ทราบข้อมูล ข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ที่ถูกต้องและชัดเจนเพื่อมิให้ฝ่ายกัมพูชาใช้เวทีสหประชาชาติในการผลักดันท่าทีของตน หรือเสนอข้อมูลฝ่ายเดียว
เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาขึ้แจงว่า คณะรัฐมนตรีได้เข้าเฝ้าทุสถะองธุรรองธุลีพระบาท ถวายสัตย์ปฏิญาณเรียบร้อยแล้วในวันนี้ จึงเข้ารับหน้าที่บริหารราชการแผ่นดินได้ตามมาตรา 161 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แต่โดยที่มาตรา 162 ของรัฐธรรมนูญฯ ได้บัญญัติให้คณะรัฐมนตรี ที่จะเข้าบริหารราชการแผ่นดินต้องแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ซึ่งต้องสอดคล้องกับหน้าที่ของรัฐ แนวนโยบายแห่งรัฐ และยุทธศาสตร์ชาติ และก่อนแถลงนโยบายต่อรัฐสภา หากมีกรณีที่สำคัญและจำเป็นเร่งด่วน ซึ่งหากปล่อยให้เนินช้าไปจะกระทบต่อประโยชน์สำคัญของแผ่นดิน คณะรัฐมนตรีที่เข้ารับหน้าที่จะดำเนินการไปพลางก่อนเพียงเท่าที่จำเป็นก็ได้
ดังนั้น กรณีการเดินทางไปร่วมการประชุมสมัชชาสหประชาชาติดังกล่าวของกระทรวงการต่างประเทศ คณะรัฐมนตรีพิจารณาแล้วเห็นว่า เป็นเรื่องที่มีความสำคัญและจำเป็นเร่งด่วนที่ได้มีการกำหนดช่วงเวลาไว้แล้ว จึงสามารถดำเนินการได้ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยดังกล่าว เพื่อรักษาประโยชน์สำคัญของแผ่นดิน
