"อนุทิน" ประกาศปักหมุด 31 ม.ค. 69 ยุบสภา พร้อมทำประชามติ 2 เรื่อง

นายกรัฐมนตรี อนุทิน ชาญวีรกูล ประกาศต่อที่ประชุมรัฐสภา กำหนดวันยุบสภาวันที่ 31 มกราคม 2569 เพื่อคืนอำนาจให้แก่ประชาชนตามพันธสัญญาที่ให้ไว้ ส่งสัญญาณเตรียมความพร้อมไปสู่การเลือกตั้งครั้งใหญ่

 

โดยนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยรายละเอียดว่า ประชาชนจะได้รับบัตรลงคะแนนถึง 4 ใบ เพื่อตัดสินใจใน 4 ประเด็นพร้อมกัน ประกอบด้วยการเลือกสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ทั้งแบบแบ่งเขตและบัญชีรายชื่อ ควบคู่ไปกับการทำประชามติในประเด็นการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และการยกเลิกบันทึกความเข้าใจ (MOU) ไทย-กัมพูชา

 

สัญญาณสู่การเลือกตั้งใหม่

 

การปักหมุดวันยุบสภาของนายกรัฐมนตรีอนุทิน ไม่เพียงช่วยลดความไม่แน่นอนทางการเมือง แต่ยังเป็นการตอกย้ำสถานะ "รัฐบาลเฉพาะกิจ" อย่างมีนัยยะ เป็นการส่งสัญญาณที่จำกัดพื้นที่การเคลื่อนไหวทางการเมืองของทั้งพรรคร่วมรัฐบาลและฝ่ายค้าน เพื่อมุ่งเน้นการบริหารตามภารกิจที่วางไว้

 

 "ขออนุญาตให้นับ 1 ตุลาเป็นวันแรก นับไปสี่เดือน คือ 31 มกราคม ยุบสภาแน่นอน"

 

ระยะเวลาสี่เดือนนับจากวันที่ 1 ตุลาคม 2568 เป็นไปตามพันธะสัญญาที่รัฐบาลได้ลงนามร่วมกับพรรคประชาชน นายอนุทินยังได้ย้ำถึงสถานะของรัฐบาลชุดนี้ว่าเป็น "รัฐบาลเฉพาะกิจ" ซึ่งมีเป้าหมายหลักในการเข้ามาแก้ไขปัญหาของประเทศที่ค้างคา และฟื้นฟูเกียรติภูมิ เศรษฐกิจ ตลอดจนขวัญกำลังใจของประชาชน ก่อนจะส่งมอบอำนาจกลับคืนสู่ประชาชนผ่านกระบวนการเลือกตั้ง

 

บัตรเลือกตั้ง 4 ใบ: ประชาชนชี้ขาดอนาคตประเทศ

 

การเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงนี้ ไม่ได้เป็นเพียงการเลือกผู้แทนราษฎรเข้าสู่สภาเท่านั้น แต่ยังเป็นการให้ประชาชนได้ชี้ขาดในประเด็นสำคัญพร้อมกันถึง 2 เรื่อง  โดยรายละเอียดของบัตรแต่ละใบ คือ

 

1. บัตรใบที่ 1: เลือกสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) แบบแบ่งเขต

2. บัตรใบที่ 2: เลือกสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) แบบบัญชีรายชื่อ

3. บัตรใบที่ 3: ลงประชามติเห็นชอบให้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่

4. บัตรใบที่ 4: ลงประชามติว่าจะให้ยกเลิก MOU ไทย-กัมพูชา หรือไม่

 

โดยรัฐบาลระบุว่าการรวบประชามติเข้ากับการเลือกตั้งจะช่วยประหยัดงบประมาณของชาติไปได้มหาศาลถึง 12,000 ล้านบาท (จากค่าใช้จ่ายครั้งละ 6,000 ล้านบาท)