posttoday

"เขากระโดง" มหากาพย์ที่ดินหลวง เกมการเมืองที่ยืดเยื้อ ลากถึงไหน

28 กันยายน 2568

มหากาพย์เขากระโดงสะท้อนความสัมพันธ์รัฐ กฎหมาย และการเมือง ปมผลประโยชน์ทับซ้อนที่อาจลากยาว หากไร้เจตจำนงแก้ไขอย่างเด็ดขาด

KEY

POINTS

  • ข้อพิพาทที่ดินเขากระโดงเป็นที่ดินของรัฐซึ่งการรถไฟฯ ได้รับพระราชทาน แต่ถูกเอกชนเข้าครอบครอง โดยศาลฎีกาได้มีคำพิพากษาสิ้นสุดแล้วว่าที่ดินเป็นของหลวงและต้องเพิกถอนเอกสารสิทธิ์ที่ออกโดยมิชอบ
  • กรณีพิพาทนี้มีความเชื่อมโยงกับตระกูลการเมืองใหญ่ "ชิดชอบ" และเครือข่ายธุรกิจ ซึ่งเป็นผู้ครอบครองที่ดินหลายแปลงในพื้นที่ ทำให้ถูกมองว่าเป็นเกมการเมืองและผลประโยชน์ทับซ้อน
  • แม้มีคำพิพากษาชัดเจน แต่การบังคับใช้กฎหมายกลับล่าช้า โดยหน่วยงานรัฐเพิกเฉยต่อการใช้อำนาจเพิกถอนโฉนดทั้งหมดในคราวเดียว ทำให้เกิดข้อกังขาถึงแรงจูงใจทางการเมืองที่อยู่เบื้องหลังความยืดเยื้อ

เขากระโดงจากพระราชทานรัชกาลที่ 5 ถึงคำพิพากษาศาลฎีกา

กรณีที่ดิน “เขากระโดง” จังหวัดบุรีรัมย์ นับเป็นหนึ่งในมหากาพย์ข้อพิพาทการครอบครองที่ดินรัฐที่ยืดเยื้อมานานกว่าศตวรรษ จุดเริ่มต้นย้อนกลับไปถึงรัชกาลที่ 5 เมื่อมีพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตสร้างทางรถไฟหลวงและพระราชทานที่ดินกว่า 5,000 ไร่ให้แก่การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในการสร้างเส้นทางคมนาคมยุคใหม่

แต่ตลอดเวลาหลายสิบปี ที่ดินบริเวณนี้กลับถูกบุคคลและเอกชนเข้าครอบครอง ถือสิทธิ์และโอนเปลี่ยนมือไปมา จนกลายเป็นข้อพิพาทใหญ่โตที่โยงใยทั้งกฎหมาย การเมือง และผลประโยชน์มหาศาล

คำพิพากษาชัดเจน

ศาลฎีกาได้ตัดสินอย่างสิ้นสุดหลายคดี (เลขที่ 842–876/2560 และ 8027/2560) ยืนยันว่า ที่ดินเขากระโดงเป็นที่ดินค่าหลวงพิเศษของการรถไฟฯ ไม่ใช่กรรมสิทธิ์เอกชนใด ๆ ทั้งสิ้น ผู้ครอบครองจะต้องคืนพื้นที่ให้รัฐ และกรมที่ดินต้องเพิกถอนเอกสารสิทธิที่ออกโดยมิชอบ

อย่างไรก็ดี แม้จะมีคำพิพากษาชัดเจน การปฏิบัติจริงกลับล่าช้าและเต็มไปด้วยข้ออ้างทางเทคนิค เช่น ความไม่ชัดเจนของแนวเขต หรือการอ้างว่าเรื่องได้สิ้นสุดในชั้นพิจารณาภายในกรมที่ดินแล้ว

หน่วยงานรัฐที่เพิกเฉย

เมื่อเดือนกันยายนปีที่ผ่านมา ผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงมหาดไทยและกรมที่ดินแถลงไม่ใช้อำนาจตามมาตรา 61 วรรค 8 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน เพื่อเพิกถอนโฉนดทั้งหมดในคราวเดียว โดยให้เหตุผลว่าอดีตอธิบดีกรมที่ดินเคยตั้งคณะกรรมการสอบสวนไว้แล้ว และเรื่องได้ยุติไป
รฟท. จึงเหลือทางเลือกเดียวคือต้องฟ้องคดีในศาลปกครอง ซึ่งเป็นกระบวนการที่อาจลากยาวหลายสิบปี

เขากระโดง เครือข่ายการครอบครองและเกมการเมือง

การถกเถียงเรื่องเขากระโดงไม่ได้หยุดอยู่แค่การตีความทางกฎหมาย แต่ยังโยงไปถึงตระกูลการเมืองใหญ่ในภาคอีสาน โดยเฉพาะ “ตระกูลชิดชอบ” ซึ่งถูกชี้ว่ามีที่ดินหลายแปลงในเขตพิพาท

รายชื่อผู้ครอบครอง

  • นางกรุณา ชิดชอบ ครอบครองโฉนด 37 ไร่ อยู่ระหว่างไต่สวนของ ป.ป.ช.
  • นายชัย ชิดชอบ เคยถือครองหลายโฉนด ก่อนโอนต่อให้ เนวิน และ ไชยชนก ชิดชอบ และนำไปให้บริษัทเอกชนเช่าระยะยาว
  • บริษัท ศิลาชัยบุรีรัมย์ (1991) ถือครองรวมกว่า 36 ไร่
  • บริษัทอื่น ๆ เช่น เค มอเตอร์สปอร์ต, บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด สปอร์ตโฮเทล มีส่วนเกี่ยวพันผ่านการเช่าหรือซื้อขาย
  • นอกจากนี้ยังมีเอกชนรายใหญ่อีกอย่างน้อย 10 ราย รวมพื้นที่กว่า 670 ไร่ ตั้งแต่บริษัทธนไทยพาณิชย์ ไปจนถึงธนาคารกรุงไทยและกรุงศรีอยุธยา

เครือข่ายผลประโยชน์

ลักษณะการครอบครองที่ดินแสดงให้เห็นว่า ที่ดินไม่ได้อยู่ในมือเกษตรกรรายย่อย หากแต่เชื่อมโยงกับนักการเมืองท้องถิ่น ธุรกิจ และเครือข่ายทางการเงิน การตั้งข้อสังเกตว่า “มหากาพย์เขากระโดง” ไม่ใช่เพียงข้อพิพาทเอกสารสิทธิธรรมดา แต่เป็นเรื่องการจัดการผลประโยชน์ขนาดใหญ่ที่มีทั้งมิติทางเศรษฐกิจและการเมืองซ้อนทับอยู่

ความล่าช้าและแรงจูงใจ

ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายที่ดินชี้ว่า หากเลือกแนวทางให้รฟท.ฟ้องเป็นรายแปลงกว่า 900 แปลง อาจต้องใช้เวลายาวนานถึง 200 ปี กว่าจะได้ข้อยุติทั้งหมด ซึ่งต่างจากทางเลือกการใช้อำนาจเพิกถอนเพียงคำสั่งเดียวที่สามารถจัดการได้ในทันที
ความล่าช้านี้ทำให้เกิดคำถามว่า มี “แรงจูงใจทางการเมือง” ใดอยู่เบื้องหลังการเพิกเฉยของหน่วยงานรัฐ และรัฐบาลชุดต่าง ๆ ที่ผ่านมาเลือกจะปล่อยให้เรื่องยืดเยื้อโดยไม่เร่งรัดดำเนินการ

ทางออก ความเสี่ยง และเดิมพันอนาคต

ความคาดหวังจากรัฐบาลใหม่

รัฐบาลชุดปัจจุบันประกาศไม่แทรกแซงการดำเนินคดี แต่ในทางปฏิบัติกลับสนับสนุนแนวคิดให้รฟท.ฟ้องรายแปลง ซึ่งนักวิชาการมองว่าเป็นการเดินเกมที่ “ซื้อเวลา” มากกว่าจะแก้ปัญหาอย่างแท้จริง
ในช่วง 4 เดือนแรกของรัฐบาลใหม่ จึงแทบไม่มีใครคาดหวังว่าจะเห็นความคืบหน้าเป็นรูปธรรมในคดีเขากระโดง

ความเสี่ยงต่อระบบกฎหมาย

การที่หน่วยงานรัฐเพิกเฉยต่อคำพิพากษาศาลฎีกา สะท้อนปัญหาความศักดิ์สิทธิ์ของกระบวนการยุติธรรม และอาจเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 151 ประมวลกฎหมายอาญา หากไม่เร่งดำเนินการ อาจกลายเป็นแบบอย่างอันตรายให้กับข้อพิพาทที่ดินรัฐในพื้นที่อื่นทั่วประเทศ

เดิมพันผลประโยชน์ชาติ

กรณีเขากระโดงไม่เพียงเป็นเรื่องสิทธิที่ดินกว่า 5,000 ไร่ แต่คือการพิสูจน์ว่า “รัฐ” จะสามารถปกป้องทรัพย์สินของแผ่นดินได้จริงหรือไม่ หากยังปล่อยให้ที่ดินของ รฟท. ถูกบุกรุก ครอบครอง และนำไปทำธุรกิจต่อยอดโดยไม่ถูกจัดการ ย่อมสะท้อนว่าผลประโยชน์ชาติอาจพ่ายแพ้ต่อเครือข่ายผลประโยชน์ทางการเมือง

ทางออกเชิงนโยบาย

  • ใช้อำนาจเพิกถอนโฉนดในคราวเดียว เพื่อยุติความล่าช้า
  • ตั้งคณะกรรมการอิสระร่วมภาคประชาชน เพื่อตรวจสอบและติดตามการดำเนินงานของกรมที่ดินและ รฟท.
  • ผลักดันให้เรื่องนี้เป็นวาระแห่งชาติ เพราะไม่ใช่เพียงข้อพิพาทท้องถิ่น แต่สะท้อนโครงสร้างการจัดการที่ดินและความเป็นธรรมในสังคมไทย

มหากาพย์ เขากระโดง ไม่ได้เป็นเพียงคดีพิพาทเรื่องที่ดินธรรมดา หากแต่เป็น “กระจกสะท้อน” ปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างอำนาจรัฐ กฎหมาย และผลประโยชน์ทางการเมือง เรื่องนี้อาจลากยาวอีกหลายสิบปีหากไม่มีเจตจำนงทางการเมืองที่ชัดเจน แต่หากรัฐบาลเลือกใช้มาตรการที่เด็ดขาด ก็สามารถยุติได้ในทันที

คำถามสำคัญคือ — รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะเลือกทางใด ระหว่าง “ซื้อเวลา” เพื่อหลีกเลี่ยงแรงกระแทกทางการเมือง หรือ “ยุติอย่างเด็ดขาด” เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของชาติ?
 

ข่าวล่าสุด

MIXUE ไทยบริจาค 1 ล้านบาท เร่งช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วมภาคใต้