"พรรคเพื่อไทย" ยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญแล้ว! เสนอโมเดล สสร.151
"พรรคเพื่อไทย" ยื่น "ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ" แล้ว! เสนอโมเดล สสร.151 คน คุณสมบัติเดียวกับผู้สมัครสส. "วันนอร์" รับเรื่อง เตรียมเสนอที่ประชุมสภา
KEY
POINTS
สรุป 3 โมเดลร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ จาก 3 พรรค
พรรคประชาชน : เน้นประชาชนเลือกทั้งทางตรงและทางอ้อม ผ่านสองกลไกคู่ขนาน
พรรคเพื่อไทย : เลือกตั้งโดยอ้อม ประชาชนมีส่วนร่วม แต่รัฐสภายังคงบทบาทชี้ขาด
พรรคภูมิใจไทย : รัฐสภาเป็นผู้เลือกหลัก เพิ่มความเข้มด้วยสัดส่วนผู้เชี่ยวชาญ
โดยทั้ง 3 ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญถูกยื่นเข้าที่ประชุมสภาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เตรียมเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของรัฐสภาในช่วงต่อไป
25 ก.ย. 2568 เวลา 13.30 น. ที่อาคารรัฐสภา พรรคเพื่อไทย นำโดย รองศาสตราจารย์ ชูศักดิ์ ศิรินิล, นายแพทย์ ชลน่าน ศรีแก้ว, นายจาตุรนต์ ฉายแสง, นางมนพร เจริญศรี,นายประยุทธ์ ศิริพานิชย์ และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคเพื่อไทย ได้ยื่นญัตติแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ต่อนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา เพื่อขอให้บรรจุระเบียบวาระการประชุมรัฐสภาโดยเร่งด่วน
โดยร่างรัฐธรรมนูญที่เสนอแก้ไขเพิ่มเติมนี้มีเป้าหมายสำคัญคือการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เนื่องจากพรรคเพื่อไทยเห็นว่ารัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 จัดทำขึ้นโดยรัฐบาลที่มิได้มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ขาดการมีส่วนร่วมของประชาชน และมีบทบัญญัติหลายประการขัดต่อหลักการประชาธิปไตย ขาดความสมดุลในการใช้อำนาจและการตรวจสอบอำนาจระหว่างองค์กรที่ใช้อำนาจอธิปไตยกับองค์กรอิสระต่าง ๆ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งองค์กรที่ทำหน้าที่ในการตรวจสอบการใช้อำนาจมีที่มาไม่เหมาะสมและมีการใช้อำนาจล้นเกิน ทำให้ฝ่ายบริหารอยู่ในสภาพอ่อนแอ ไม่สามารถบริหารประเทศได้อย่างมีเสถียรภาพและประสิทธิภาพ ฝ่ายนิติบัญญัติก็ไม่สามารถใช้อำนาจนิติบัญญัติได้ตามหลักการแบ่งแยกอำนาจในฐานะผู้แทนปวงชน ทำให้ประเทศตกอยู่ในภาวะชะงักงัน ล้าหลัง
ซึ่งปัญหาต่าง ๆ เหล่านี้เกี่ยวพันกับรัฐธรรมนูญหลายหมวดหลายมาตรา ไม่อาจดำเนินการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญเป็นรายมาตราได้ แม้พรรคเพื่อไทยจะได้มีความพยายามแก้ไขในหลายครั้งแล้ว แต่ไม่ประสบความสำเร็จ
ดังนั้น เพื่อเป็นทางออกของประเทศและประชาชน และเพื่อให้ได้มาซึ่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยที่เป็นประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และเพื่อกำหนดกลไกที่ทำให้ประเทศสามารถเดินหน้าไปได้อย่างมั่นคง
จำเป็นต้องมีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ แต่เนื่องจากรัฐธรรมนูญ พุทธศักราช 2560 มิได้มีบทบัญญัติว่าด้วยการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ จึงต้องแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญโดยเพิ่มหมวด 15/1 ว่าด้วยการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ขึ้น
สาระสำคัญของร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมที่พรรคเพื่อไทยได้ยื่นในวันนี้ ได้นำหลักการเดิมที่พรรคได้เคยประกาศไว้ในเรื่องการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่มาประกอบกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2568 เรื่องอำนาจหน้าที่ของรัฐสภาในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่ศาลรัฐธรรมนูญได้ให้แนวทางว่ารัฐสภามีอำนาจริเริ่มจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้ แต่ต้องให้ประชาชนออกเสียงประชามติให้ความเห็นชอบว่าสมควรมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่เสียก่อน และรัฐสภาไม่อาจให้ประชาชนเลือกผู้ร่างรัฐธรรมนูญหรือ สสร. ได้โดยตรง รวมถึงการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ต้องมีการจัดให้มีการออกเสียงประชามติ 3 ครั้ง โดยครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2 อาจรวมเป็นครั้งเดียวกันได้
โดยร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญมีการเพิ่มหมวด 15/1 การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ของพรรคเพื่อไทยซึ่งมีสาระสำคัญ สรุปได้ดังนี้
1. ได้กำหนดให้ภายหลังจากที่ประชาชนได้ออกเสียงประชามติครั้งที่ 1 เห็นชอบให้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ พร้อมกับการออกเสียงประชามติครั้งที่ 2 เห็นชอบในร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในเรื่องวิธีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่แล้ว ให้รัฐสภามีมติด้วยเสียงไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภา เพื่อจัดให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญเพื่อมาทำหน้าที่ในการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
2. สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ หรือ “สสร.” ที่รัฐสภาจะเป็นผู้เลือกและแต่งตั้งนั้น ประกอบด้วยสมาชิกจำนวน 151 คน มาจาก
2.1 สมาชิกซึ่งรัฐสภาเลือกจากผู้ที่ผ่านการเลือกตั้งเป็นผู้สมควรได้รับการเสนอชื่อเป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญจากจังหวัดต่าง ๆ และกรุงเทพมหานคร จำนวน 300 คน ตามสัดส่วนจำนวนราษฎรของแต่ละจังหวัด และรัฐสภาเลือกให้เป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญจำนวน 100 คน โดยกำหนดให้ต้องมีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญแต่ละจังหวัด จังหวัดละไม่น้อยกว่า 1 คน
2.2 สมาชิกซึ่งรัฐสภาแต่งตั้งจากบุคคลผู้มีความรู้ ความสามารถ และมีความเหมาะสมที่เป็นตัวแทนหรือมาจากการเสนอชื่อของสภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา คณะรัฐมนตรี องค์กร สมาคม หรือกลุ่มบุคคลต่าง ๆ จำนวน 51 คน
3. กำหนดให้สภาร่างรัฐธรรมนูญแต่งตั้งคณะกรรมการยกร่างรัฐธรรมนูญขึ้นคณะหนึ่ง จำนวน 27 คน โดยแต่งตั้งจากสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ 14 คน และอีก 13 คน มาจากผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายมหาชน จำนวน 5 คน, ผู้เชี่ยวชาญสาขารัฐศาสตร์หรือรัฐประศาสนศาสตร์ จำนวน 5 คน และผู้มีประสบการณ์ด้านการเมือง การบริหารราชการแผ่นดิน และการร่างรัฐธรรมนูญ จำนวน 3 คน
4. กำหนดให้สภาร่างรัฐธรรมนูญต้องจัดทำร่างรัฐธรรมนูญให้แล้วเสร็จภายใน 180 วัน นับแต่วันที่มีการประชุมสภาร่างรัฐธรรมนูญครั้งแรก โดยเมื่อจัดทำร่างรัฐธรรมนูญแล้วเสร็จ ให้สภาร่างรัฐธรรมนูญนำเสนอต่อรัฐสภาเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ เพื่อส่งร่างรัฐธรรมนูญไปยังคณะกรรมการการเลือกตั้ง เพื่อจัดให้มีการออกเสียงประชามติครั้งที่ 3 เพื่อพิจารณาว่าจะเห็นชอบกับร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่นี้หรือไม่
แต่หากรัฐสภามีความเห็นให้แก้ไขเพิ่มเติม ให้ส่งร่างรัฐธรรมนูญนั้นกลับไปยังสภาร่างรัฐธรรมนูญ เพื่อให้สภาร่างรัฐธรรมนูญดำเนินการแก้ไขเพิ่มเติม หรือมีมติยืนยันร่างรัฐธรรมนูญ ด้วยเสียงสองในสามของจำนวนสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ และสุดท้าย หากรัฐสภาลงมติไม่เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญ ด้วยเสียงสองในสามของจำนวนสมาชิกเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภา ให้ร่างรัฐธรรมนูญเป็นอันตกไป และให้สภาร่างรัฐธรรมนูญจัดทำร่างรัฐธรรมนูญใหม่อีกครั้งภายใน 90 วัน นับแต่วันที่รัฐสภามีมติไม่เห็นชอบ
พรรคเพื่อไทยขอยืนยันด้วยเจตนารมณ์อันแน่วแน่ที่จะให้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยประชาชนสามารถเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญ และเนื่องจากเป็นเรื่องที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง จึงขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายมีความจริงใจและจริงจังกับการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เพื่อเป็นทางออกของประเทศและประชาชนต่อไป
ส่องโมเดลร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทั้ง 3 พรรค
สำหรับ โมเดลร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ของทั้ง 3 พรรคประชาชน พรรคเพื่อไทย และพรรคภูมิใจไทย ได้ทำการยื่นเข้าสู่สภาแล้ว โดยแต่ละพรรคมีโมเดลแตกต่างกันชัดเจน ทั้งในเรื่องวิธีการได้มาซึ่งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) และการมีส่วนร่วมของประชาชน
พรรคประชาชน เสนอ “2 กลไกคู่ขนาน”
พรรคประชาชนชูแนวทางที่เรียกว่า “สองกลไกคู่ขนาน” มุ่งเน้นการเปิดพื้นที่ให้ประชาชนมีส่วนร่วมมากที่สุด ภายใต้กรอบคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ห้ามเลือกตั้ง สสร. โดยตรงเต็มรูปแบบ
กำหนดให้มี คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) 35 คน มาจากการเลือกตั้งทางอ้อม โดยให้ประชาชนเลือกผู้สมัครแบบบัญชีรายชื่อทั่วประเทศ 70 คน แล้วนำเข้าสู่รัฐสภาคัดเลือกให้เหลือ 35 คน ควบคู่ไปกับ สภาที่ปรึกษาการยกร่างฯ 100 คน มาจากการเลือกตั้งโดยตรงระดับจังหวัด ใช้ระบบแบ่งเขต จังหวัดละ 1–5 คน สะท้อนความต้องการในแต่ละพื้นที่
พรรคยังวางกรอบเวลาทำงาน 270 วัน โดยไม่ให้การยุบสภาหรือหมดวาระมาสกัดกระบวนการ และกำหนดให้ร่างที่เสร็จแล้วต้องผ่านรัฐสภาและประชามติ
พรรคเพื่อไทย ชูโมเดล สสร. 151 คน คุณสมบัติเดียวกับผู้สมัครสส.
พรรคเพื่อไทยเดินหน้าแผนแก้รัฐธรรมนูญ มุ่งเป้าจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยเสนอโมเดลตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) รวม 151 คน แบ่งเป็น 100 คน มาจากการเสนอชื่อและคัดเลือกผ่านรัฐสภา
โดยเปิดให้บุคคลทั่วไปที่ไม่ได้เป็น สส. เสนอชื่อเข้ามาได้ ส่วนอีก 51 คน มาจากการเสนอชื่อโดยหน่วยงานต่าง ๆ เช่น รัฐสภา ครม. วุฒิสภา และองค์กรวิชาชีพ
คุณสมบัติผู้สมัคร สสร. กำหนดให้ใช้เกณฑ์เดียวกับผู้สมัคร สส. เช่น มีอายุไม่ต่ำกว่า 25 ปี และมีชื่ออยู่ในเขตจังหวัดที่จะสมัคร ขณะที่กระบวนการยกร่างรัฐธรรมนูญ จะมีคณะกรรมาธิการ 27 คน ประกอบด้วย ส.ส.ร. 14 คน และผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย รัฐศาสตร์ และสาขาที่เกี่ยวข้องอีก 13 คน
พรรคภูมิใจไทย "โมเดลสีน้ำเงิน" เปิดทางรัฐสภาเป็นผู้เลือก สสร. ทั้งหมด
พรรคภูมิใจไทยเสนอแก้รัฐธรรมนูญ มาตรา 256 เพื่อจัดตั้ง สสร. 99 คน โดยทั้งหมดมาจากการคัดเลือกของรัฐสภา ไม่ใช่การเลือกตั้งโดยตรงจากประชาชน โครงสร้างแบ่งเป็นตัวแทนจังหวัด 77 คน จังหวัดละหนึ่งคน และผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย รัฐศาสตร์ และสาขาอื่น ๆ อีก 22 คน โดยผู้สมัครต้องมีคุณสมบัติใกล้เคียงผู้สมัคร สส. เช่น มีอายุไม่ต่ำกว่า 25 ปี และมีภูมิลำเนาหรือความเกี่ยวข้องกับจังหวัดนั้น
นอกจากนี้ โมเดลของภูมิใจไทยยังเสนอปรับเกณฑ์เสียงของ สว. ที่ต้องร่วมเห็นชอบการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จากเดิมไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 เหลือเพียง 1 ใน 5 เพื่อให้การเดินหน้ากระบวนการยกร่างทำได้ง่ายขึ้น พร้อมกำหนดกรอบเวลาให้ สสร. ต้องจัดทำร่างเสร็จภายใน 360 วัน


