ดร.ณัฏฐ์ชี้เขากระโดง-ฮั้วสว. ไม่ง่ายได้ข้อยุติ มีมือมืดแทรกแซง
ดร.ณัฏฐ์ วิจารณ์คดี“เขากระโดง–ฮั้วเลือกสว.” ไม่ง่ายได้ข้อยุติ หลังมีรัฐบาลใหม่ครม.อนุทิน ส่อมือมืดแทรกแซง จับตาผลประโยชน์การเมืองเหนือกฎหมาย
KEY
POINTS
- ดร.ณัฐวุฒิ วงศ์เนียม ชี้ว่าคดีที่ดินเขากระโดงและคดีฮั้วเลือก สว. เป็นเรื่องซับซ้อนที่อาจหาข้อยุติได้ยาก เนื่องจากมีความเสี่ยงที่จะถูกแทรกแซงโดย "มือที่มองไม่เห็น" ทางการเมือง
- โอกาสในการนำที่ดินเขากระโดงกลับมาเป็นของสาธารณะมีน้อยมาก เพราะกระบวนการถูกทำให้ล่าช้าโดยการส่งเรื่องให้ศาลปกครองชี้ขาด ซึ่งศาลได้ยกข้อกล่าวหาบางส่วนไปแล้ว
- คดีฮั้วเลือก สว. ซึ่งมีนักการเมืองคนสำคัญเป็นผู้ถูกกล่าวหา กำลังอยู่ในการพิจารณาของ กกต. และมีความกังวลว่าการเปลี่ยนขั้วอำนาจทางการเมืองอาจนำไปสู่การแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม
“ดร.ณัฏฐ์”หรือ ดร.ณัฐวุฒิ วงศ์เนียม นักกฎหมายมหาชนคนดัง ให้ความเห็นถึงสองคดีสำคัญที่สังคมไทยกำลังจับตา หลังโปรดเกล้าฯแต่งตั้งครม.อนุทิน คือ คดีที่ดินเขากระโดง และ คดีฮั้วเลือกตั้งสว.โดยระบุว่าทั้งสองคดีมีความซับซ้อนและอาจเผชิญการแทรกแซงทางการเมืองจาก “มือที่มองไม่เห็น”
ดร.ณัฏฐ์ชี้ว่า การเรียกร้องให้นำที่ดินเขากระโดงกลับมาเป็นสาธารณะสมบัติของแผ่นดิน “แทบไม่มีทางสำเร็จ” เนื่องจากอธิบดีกรมที่ดินคนใหม่ได้เลือกใช้วิธีโยนภาระไปให้ศาลปกครองเป็นผู้ชี้ขาด ส่งผลให้กระบวนการล่าช้าและห่างไกลจากการคืนสิทธิ์สาธารณะ อีกทั้งศาลปกครองกลางยังได้ยกข้อกล่าวหาไปแล้วถึง 2 ข้อ ทำให้โอกาสในการเอาที่ดินคืนกลับมาแทบไม่เหลือ
ส่วนคดีฮั้วเลือกวุฒิสภา กกต.กำลังอยู่ระหว่างการวินิจฉัย โดยผู้ถูกกล่าวหามีรายชื่อบุคคลสำคัญทางการเมือง อาทิ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี (ผู้ถูกกล่าวหาที่ 187) และนายเนวิน ชิดชอบ (ผู้ถูกกล่าวหาที่ 228) สังคมกำลังจับตาอย่างใกล้ชิดว่าผลจะออกมาอย่างไร ขอตั้งข้อสังเกตว่า การเปลี่ยนรัฐบาลและขั้วอำนาจทางการเมืองอาจเปิดช่องให้ “มือที่มองไม่เห็น” เข้ามาแทรกแซงการตัดสินใจ ซึ่งจะกระทบความน่าเชื่อถือของกระบวนการยุติธรรมโดยตรง
"ทั้งสองคดีไม่ใช่เพียงเรื่องกฎหมาย แต่สะท้อนถึงปัญหาโครงสร้างการเมืองไทย หากกระบวนการยุติธรรมไม่สามารถปกป้องผลประโยชน์สาธารณะได้ อาจทำให้ประชาชนหมดศรัทธา และการเมืองไทยจะยังคงวนเวียนอยู่ในวังวนของการประนีประนอมเพื่อรักษาอำนาจ มากกว่าการยึดหลักนิติรัฐ" ดร.ณัฏฐ์ กล่าว


