สส.ปชน. ฝาก รมช.คลัง เตรียมงบรับปัญหากยศ.ไม่อนุมัติเงินกู้เรียน
“ครูจวง” สส.พรรคประชาชน ฝาก รมช.คลัง เตรียมงบประมาณรองรับปัญหา กยศ. ไม่อนุมัติเงินกู้นักเรียน-นักศึกษากว่า 160,000 คน หวั่นหลุดจากระบบการศึกษา
ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร วันที่ 4 ก.ย.2568 น.ส.ปารมี ไวจงเจริญ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ตั้งกระทู้ถามสดด้วยวาจากรณีปัญหาของกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โดย รมว.คลัง มอบหมาย จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ตอบกระทู้ถามแทน
โดยกล่าวว่า ตอนนี้มีนักเรียนนักศึกษาผู้กู้ กยศ. ในปีนี้จำนวนมากร้องเรียนมายังตนในทุกช่องทาง ปัญหาปีนี้หนักหนาสาหัสเพราะยังมีผู้กู้ที่ไม่ได้รับอนุมัติเงินกู้จาก กยศ. กว่า 160,000 ราย โดยในจำนวนนี้ แบ่งเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ได้แก่
- กลุ่มเลื่อนระดับ เช่นเลื่อนจาก ม.6 เป็นระดับอุดมศึกษา หรือเลื่อนจาก ปวช. ไปเป็น ปวส. ประมาณ 60,000 กว่าราย
- อีกกลุ่มที่มีจำนวนเยอะกว่าและปัญหาสาหัสกว่าคือผู้กู้รายใหม่ประมาณ 110,000 กว่าราย
โดยตอนนี้ใกล้จะปิดเทอมแล้ว และงบประมาณปี 68 กำลังจะสิ้นสุด นี่จึงเป็นปัญหาเร่งด่วนที่รัฐบาลต้องเร่งแก้
คำถามที่ 1. นักเรียนนักศึกษาทั้งประเภทเลื่อนระดับและประเภทผู้กู้รายใหม่ที่ยังไม่ได้รับอนุมัติเงินกู้จาก กยศ. รัฐมนตรีมีวิธีแก้ไขปัญหาโดยด่วนอย่างไร จะหางบฉุกเฉินมาช่วยได้หรือไม่ ขอทราบวิธีการที่ชัดเจนเป็นรูปธรรม
คำถามที่ 2. เรื่องวินัยทางการเงินของรุ่นพี่ที่กู้ไปแล้ว ยังมีบางส่วนไม่ยอมชำระเงินคืน สาเหตุส่วนหนึ่งมาจากความน่าเชื่อถือของ กยศ.
เนื่องจากที่ผ่านมา กยศ. มีความผิดพลาดหลายครั้ง โดยเฉพาะในรอบไม่กี่เดือนที่ผ่านมา มีความผิดพลาดใหญ่มากจากกรณีที่ กยศ. หักเงินซ้ำ ทำให้ผู้กู้จำนวนมากเกิดความตื่นตระหนก บางรายอาจยับยั้งชั่งใจว่าชำระหนี้ไปแล้วจะผิดพลาดหรือไม่
แม้ตนยืนยันว่านี่ไม่ใช่เหตุผลที่จะใช้ในการไม่ชำระหนี้ แต่ต้องยอมรับว่าระบบการเก็บข้อมูลที่ผิดพลาดของ กยศ. มีผลต่อความเชื่อมั่นของผู้กู้ ดังนั้นถ้า กยศ. ต้องการทำงานเชิงรุกเพื่อให้ผู้กู้รุ่นพี่ชำระเงินคืนเพื่อส่งต่อโอกาสทางการศึกษาให้รุ่นน้อง กยศ. ต้องปรับปรุงประสิทธิภาพภายในของตัวเองเสียก่อน
ต้องทำให้ระบบการเก็บข้อมูล การรับชำระหนี้ การตัดยอดหนี้และเงินต้นต่างๆ มีความเสถียร คำถามคือเมื่อไหร่ระบบข้อมูลของ กยศ. จะเสถียรและมีประสิทธิภาพเสียที
ด้าน รมช.คลัง กล่าวว่า ต่อคำถามที่ว่าจะนำเงินที่ไหนมาดำเนินการช่วยเหลือผู้กู้ทั้งสองประเภท ยืนยันว่ามีกลไกในการบริหารจัดการด้านงบประมาณ ทั้งงบกลางและเงินกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ โอนเข้าสู่ กยศ. เรียบร้อยกว่าหมื่นล้านบาท
ตอนนี้สภาพคล่องของกองทุนมีอยู่ราว 8,000 ล้านบาท แต่ขณะนี้เป็นปัญหาเรื่องการบริหารจัดการระหว่างสถาบันการศึกษากับตัวกองทุนเอง กล่าวคือเงินมี แต่การประสานงานไม่เรียบร้อย
โดยวันนี้มีการประสานไปยังสถาบันการศึกษาต่างๆ เพื่อให้ดำเนินการเรื่องผู้กู้กลุ่มนี้ให้ครบถ้วน ยืนยันว่าปีการศึกษา 2568/1 มีงบประมาณเพียงพอสำหรับนักเรียนทุกคน เราจะดำเนินการให้เสร็จภายในสิ้นเดือนกันยายนนี้
และเพื่อป้องกันหากมีข้อผิดพลาดไม่ว่ากรณีใดก็ตาม จะขยายกรอบเวลาในการดำเนินการให้ถึงวันที่ 27 ตุลาคม หากมีความล่าช้าบ้างก็กระทบกับสถาบันการศึกษา แต่ต้องไม่กระทบกับนักเรียนนักศึกษา ไม่เป็นปัจจัยที่ทำให้ใครก็ตามต้องหลุดออกจากระบบการศึกษา
ส่วนกรณีวินัยทางการเงินของผู้กู้ที่สำเร็จการศึกษาไปแล้ว ตอนนี้มีปัญหาที่เรียกว่า moral hazard คือผู้กู้เลือกไปชำระหนี้ก้อนอื่นก่อนเพราะบทลงโทษของหนี้ กยศ. เบาบาง ดังนั้นสิ่งที่เราจะดำเนินการคือสร้างกลไกที่สร้างจิตสำนึก เช่นกลไกทวงถาม เพราะหาก กยศ. ไม่สามารถเก็บเงินจากผู้กู้เก่าได้ สุดท้าย กยศ. จะไม่สามารถดำรงความเป็นกองทุนอยู่ได้ด้วยตนเองโดยไม่พึ่งพางบประมาณของรัฐ
ส่วนเรื่องการคำนวนหนี้ใหม่นั้น ตนหนักใจเช่นกัน เพราะขึ้นระบบมาหลายครั้งก็มีปัญหา ในข้อสั่งการที่ผ่านมา คือให้ยุติการขึ้นระบบทั้งหมดจนกว่าจะมั่นใจว่าระบบมีความเสถียร ตัวเลขที่ขึ้นไปถูกต้อง แต่เมื่อสองสัปดาห์ที่ผ่านมาเริ่มดำเนินการขึ้นระบบอีกครั้ง รอบแรก 400,000 ราย ไม่ได้ยินเสียงสะท้อนในเชิงลบ เป็นเรื่องน่ายินดี
วันนี้ขึ้นระบบไปแล้วกว่า 900,000 ราย ยังรอฟังเสียงสะท้อนจากผู้กู้ในอดีตว่าข้อมูลของเขาถูกต้องหรือไม่ จึงขอให้ช่วยกันติดตาม ถ้าระบบทั้งหมดครบถ้วน กลไกในการเรียกเก็บเงินคืนจากผู้กู้รายเก่าจะสามารถเดินหน้าได้อีกครั้ง ซึ่งนี่เป็นสิ่งสำคัญสำหรับการดำรงอยู่ของ กยศ. เหล่านี้เชื่อว่าเป็นหนทางแก้ไขในระดับเฉพาะหน้า เพราะยังมีข้อมูลเชิงลึกที่ต้องมาคุยในเรื่องรายละเอียดการบริหารจัดการตัวเงินเพื่อที่จะไม่เป็นภาระงบประมาณต่อไปในระยะยาวและระยะกลาง
จากนั้น น.ส.ปารมี กล่าวว่า จากคำตอบของรัฐมนตรี กรณีงบประมาณที่รัฐบาลให้ กยศ. รัฐมนตรีคงทราบว่ามีความผิดปกติบางอย่างคือท่านไม่ได้ให้งบในครั้งเดียว แต่ให้เป็นล็อต ทำให้ กยศ. บริหารงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ ในขณะที่ผู้กู้ กยศ. มีเยอะมาก
เท่าที่ตนได้รับข้อมูลจากอนุกรรมาธิการแก้ปัญหา กยศ. งบประมาณในสองล็อตหลังสุดนั้น มีก้อน 3,100 ล้านบาท และ 8,000 กว่าล้านบาท ซึ่งกยศ. ให้ข้อมูลกับตนว่านำไปปล่อยกู้แก่ผู้กู้รายเก่าประเภทเลื่อนชั้นปี เช่น จาก ม.4 ไป ม.5 หรือปริญญาตรีปี1 ไปปี 2 ผู้กู้รายเก่าประเภทเลื่อนชั้นปีจำนวน 470,000 กว่ารายนี้ จะได้รับเงินกู้ทั้งหมดแน่นอนในปีการศึกษา 2568
แต่ตอนนี้ที่มีปัญหาคือผู้กู้รายใหม่และผู้กู้เลื่อนระดับ 160,000 คน ตอนนี้พวกเขาไม่รู้อนาคตว่าจะหลุดออกจากระบบการศึกษาหรือไม่ อยากทราบแผนงานที่ชัดเจนว่าจะช่วยเหลืออย่างไร
รมช.คลัง กล่าวว่า การให้งบประมาณในลักษณะดังกล่าวเป็นวิธีการบริหารจัดการงบประมาณ เราไม่สามารถเอาเงินหลักหมื่นล้านโอนให้ กยศ. ได้ในครั้งเดียว แต่บริหารจัดการตามความเหมาะสมและตามคำขอของหน่วยงาน เพราะ กยศ. เองเป็นคนยื่นคำขอเข้ามาที่งบกระตุ้นเศรษฐกิจรอบเแรก
โดยคำขอนั้นได้รับการอนุมัติทั้งจำนวน 3,100 ล้านบาทสำหรับผู้กู้รายใหม่ และต่อมาคือ 8,500 ล้านบาท เป็นงบกลางกรณีฉุกเฉินและจำเป็น อันนี้สำหรับทั้งรายใหม่และรายเก่า ดังนั้นยืนยันว่าผู้กู้รายเก่าและรายใหม่ จะได้รับทั้งคู่ จะไม่มีนักเรียนนักศึกษาคนไหนหลุดออกจากการศึกษา
“ยืนยันว่าเรามีสภาพคล่อง 8,000 กว่าล้านบาท เพียงพอสำหรับ 160,000 กว่าราย ขอให้ยื่นกู้ได้ทันทีและกระบวนการในการยื่นกู้ ถ้านักศึกษากลุ่มนี้อยู่ในเกณฑ์กติกาครบถ้วน อย่างไรก็ได้รับอนุมัติ ขอให้เร่งดำเนินการผ่านทางสถาบันการศึกษา”
จากนั้น น.ส.ปารมี ถามคำถามที่ 3 ว่า ข่าวการทุจริตและการทำงานที่ไม่มีประสิทธิภาพของ กยศ. มีมาเป็นระยะ เช่นมีข่าวว่าปล่อยกู้ให้กับบางมหาวิทยาลัยมากกว่าบางมหาวิทยาลัย รวมถึงนักเรียนนักศึกษาบางคนไม่ได้ขาดแคลนทุนทรัพย์จริงๆ แต่กลับได้เงินกู้ แสดงว่าระบบคัดกรองผู้กู้มีเรื่องที่ต้องทบทวน ขอทราบวิธีการแก้ไขของรัฐมนตรี
รมช.คลังกล่าวว่า เรื่องการทุจริตและความไม่มีประสิทธิภาพของ กยศ. นั้น ตนติดตามอย่างใกล้ชิด หากมีข้อมูลใดยินดีรับฟัง ส่วนเรื่องข้อสงสัยว่าการปล่อยกู้ไปกระจุกตัวบางสถาบันหรือไม่ เราต้องลงไปดูในรายละเอียด หน่วยงานอย่างกระทรวงศึกษาธิการต้องช่วยกัน
ตลอดสองปีที่ผ่านมาที่ตนเป็นรัฐมนตรี ได้ไปตรวจสอบจังหวัดในภาคอีสานตอนล่างและยุติเรื่องการปล่อยกู้เป็นหมื่นคน เพราะพบว่าไม่ได้มีการประกอบกิจกรรมด้านการศึกษาจริงๆ ดังนั้นยืนยันเรื่องนี้ไม่ได้ละเว้น
จากนั้น น.ส.ปารมี กล่าวว่า รัฐมนตรีอาจได้รับข้อมูลที่ไม่ตรงกับตนเรื่องเงินก้อนสุดท้ายที่ให้ กยศ. ประมาณ 8,500 ล้านบาทว่า กยศ. ได้นำไปจัดสรรให้กับผู้กู้รายเก่าประเภทเลื่อนชั้นปี จึงไม่ครอบคลุมถึงผู้กู้กลุ่มเลื่อนระดับและผู้กู้รายใหม่จำนวน 160,000 คน
จึงขอฝากให้รัฐมนตรีช่วยหางบประมาณฉุกเฉินมาช่วยเหลือกลุ่มนี้ด้วย และขอยืนยันว่าระบบของ กยศ. มีปัญหาจริงๆ ทั้งแอปพลิเคชันและเว็บไซต์ ฝากท่านกำกับดูแลจนวันสุดท้ายของการทำงานและส่งมอบปัญหาเหล่านี้เพื่อให้รัฐมนตรีท่านใหม่เดินหน้าได้ทันที


