จับตา“พรรคประชาชน”ถือไพ่143เสียง นัดถกชี้ชะตานายกฯคนที่32
ศึกชิงนายกฯดุเดือด แดง–น้ำเงินเร่งสู่ขอปชน. ภูมิใจไทย อนุทินตอบรับครบ 3 เงื่อนไข ส่วนเพื่อไทย ภูมิธรรมพร้อมยุบสภา 4 เดือน ดันชัยเกษมนั่งนายกฯ
KEY
POINTS
- พรรคประชาชนกลายเป็นตัวแปรสำคัญด้วยเสียง ส.ส. 143 เสียง ในการชี้ขาดการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 ระหว่างขั้วพรรคเพื่อไทยและภูมิใจไทย
- พรรคประชาชนได้ตั้ง 3 เงื่อนไขที่ชัดเจนเพื่อแลกกับการสนับสนุน คือ รัฐบาลใหม่ต้องยุบสภาใน 4 เดือน, จัดทำประชามติเพื่อร่างรัฐธรรมนูญใหม่ และพรรคจะไม่เข้าร่วมรัฐบาล
- ทั้งพรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทยต่างประกาศยอมรับทุกเงื่อนไขของพรรคประชาชน เพื่อแลกกับเสียงสนับสนุนในการจัดตั้งรัฐบาลและเลือกนายกรัฐมนตรี
การเมืองไทยร้อนแรงอีกครั้ง หลัง “แพทองธาร ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี คนที่ 31 พ้นเก้าอี้ เปิดทางสู่ศึกหักเหลี่ยมของสองก๊กใหญ่ “เพื่อไทย–ภูมิใจไทย” ที่กำลังช่วงชิงเสียงข้างมากเพื่อโหวตนายกรัฐมนตรีคนที่ 32
เวลา 13.00 น. นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน และผู้นำฝ่ายค้าน ได้นัดประชุม ส.ส. เพื่อกำหนดท่าทีทางการเมือง โดยย้ำ 3 เงื่อนไขชัดเจนของพรรคประชาชน ได้แก่
รัฐบาลเฉพาะกิจต้องยุบสภาภายใน 4 เดือน
ต้องเดินหน้าจัดทำประชามติ เพื่อนำไปสู่การตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) เพื่อร่างรัฐธรรมนูญใหม่
พรรคประชาชนจะไม่เข้าร่วมรัฐบาล และไม่มีบุคคลใดจากพรรคเข้าดำรงตำแหน่งในคณะรัฐมนตรี
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากสองขั้วการเมืองหลัก ทั้งพรรคเพื่อไทย และพรรคภูมิใจไทย ต่างประกาศพร้อมยอมรับทุกเงื่อนไขของพรรคประชาชน เพื่อแลกกับเสียงโหวต ส.ส. ทั้ง 143 เสียง ที่จะเป็นตัวแปรสำคัญชี้ขาดชะตานายกรัฐมนตรีคนใหม่ของประเทศ
ฝ่ายแดง–ฝ่ายน้ำเงิน เปิดศึกขันหมาก
ฝ่ายแดง (เพื่อไทย–พันธมิตร) กวาดเสียง ส.ส.ราว 196 ที่น่าสนใจคือมีเสียงจาก พท.เองประมาณ 130 (หัก “กลุ่มศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์” ที่ไปหนุนอนุทิน), ปชป.ก๊วน “เฉลิมชัย” 21, รทสช.ก๊วน “พีระพันธุ์-เอกนัฎ” 20, ชทพ. 10, ประชาชาติ 9, ชพน. 3 และ ทสท. 3
ฝ่ายน้ำเงิน (ภูมิใจไทย–พันธมิตร) รวมเสียง 141 ประกอบด้วย ภท. 68, กล้าธรรม 25, พปชร. 18, กลุ่มสุชาติ ชมกลิ่น 16, ทสท.อีกสาย 6, งูเห่า-พรรคเล็ก-เป็นธรรม รวมแล้วได้กว่า 141 เมื่อบวกเครือข่ายหนุนเพิ่มถึง 283
ฝ่ายส้ม ตัวแปรใหญ่ 142 เสียง
พรรคประชาชน (ปชน.) ประกาศ 3 เงื่อนไขเด็ดขาด
รัฐบาลใหม่ต้องยุบสภาภายใน 4 เดือนเพื่อเลือกตั้งใหม่
ต้องจัดให้มีประชามติครั้งหน้าในกรอบเวลาเดียวกัน
ปชน.จะไม่ร่วม ครม. แม้แต่เก้าอี้เดียว
ทั้งฝ่ายแดง–ฝ่ายน้ำเงินต่างหอบขันหมากมาสู่ขอ โดยก๊กน้ำเงิน “อนุทิน ชาญวีรกูล” นำทีมตอบรับทุกเงื่อนไขทันที เสียงรวมราว 243 ขณะที่ก๊กแดง “ภูมิธรรม เวชยชัย” ประกาศพร้อมยุบสภา 4 เดือนตามข้อเสนอ และเปิดทาง “ชัยเกษม นิติสิริ” เป็นแคนดิเดตนายกฯ
เกมซ้อนเกม ความเสี่ยง–ผลลัพธ์
หากปชน.หนุนฝ่ายน้ำเงิน อนุทินอาจได้ขึ้นนายกฯ แต่แลกด้วยการเสี่ยงสูญเสีย “ฐานด้อมส้ม” และภาพลักษณ์อุดมการณ์
หากปชน.หนุนฝ่ายแดง แม้เคยถูก “หักหลัง” หลังเลือกตั้ง 2566 แต่ก็ยังเป็น “ปลาน้ำเดียวกัน” ผ่านการเลือกตั้ง ไม่ผูกกับอำนาจนอกระบบ
อีกทางเลือกคือ ปล่อยเดดล็อก ไม่หนุนทั้งสองก๊ก ผลักประเทศสู่การยุบสภาเร็วขึ้น กลายเป็น “รีเซ็ตการเมือง” ที่อาจเปิดเกมใหม่ให้ปชน.ได้เปรียบ
วันชี้ชะตา
1 ก.ย. 2568 บ่ายโมง คือจังหวะสำคัญที่ปชน.ต้องเลือกข้าง ระหว่าง “เสี่ยหนู” หรือ “ชัยเกษม” หรือปล่อยเวทีแตกเพื่อนำไปสู่การเลือกตั้งใหม่ ซึ่งทุกทางล้วนชี้อนาคตการเมืองไทยว่าจะผ่าทางตัน หรือซ้ำเติมความขัดแย้งให้ยืดเยื้อ


