จับตา สภาฯ รับญัตติด่วน ค้าน MOU43-44 ไทย–กัมพูชา หวั่นเสียเกาะกูด
สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาญัตติด่วน ส.ส.สฤษฏ์พงษ์ เสนอคัดค้าน MOU43-44 ไทย–กัมพูชา เหตุขัด รธน.2560 และเสี่ยงให้เกาะกูดกลายเป็นพื้นที่ทับซ้อน
KEY
POINTS
- สภาฯ พิจารณาญัตติด่วนคัดค้าน MOU43-44 ไทย–กัมพูชา
- ชี้ MOU44 ใช้แผนที่ 1:200,000 อาจทำเกาะกูดถูกตีความเป็นพื้นที่ทับซ้อน
- ญัตติย้ำ MOU44 ไม่เคยผ่านสภา ขัดต่อรัฐธรรมนูญปี 2560
การประชุมสภาผู้แทนราษฎร วันที่ 21สิงหาคม 2568 ได้มีการยื่นญัตติด่วน เรื่องการพิจารณาบันทึกความเข้าใจ (MOU) ฉบับที่ 43 และฉบับที่ 44 ระหว่างไทยกับกัมพูชา โดยนายสฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง ส.ส.กระบี่ พรรคภูมิใจไทย เป็นผู้เสนอ พร้อมด้วยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากพรรคร่วมฝ่ายค้านรวม 34 คน
สาระสำคัญของญัตติดังกล่าวคือ การคัดค้านการคงไว้หรือดำเนินการตาม MOU ทั้งสองฉบับ โดยให้เหตุผลว่า MOU43 ว่าด้วยแนวเขตทางบก และ MOU44 ว่าด้วยเขตทางทะเล มีเนื้อหาส่งผลกระทบต่ออธิปไตยของประเทศ และเปิดช่องให้มีการตีความว่าไทยยอมรับ “พื้นที่ทับซ้อน” กับกัมพูชา ทั้งที่บางพื้นที่ เช่น เกาะกูด อยู่ในอธิปไตยของไทยอย่างสมบูรณ์
นายสฤษฏ์พงษ์ ระบุว่า MOU44 ใช้แผนที่มาตราส่วน 1:200,000 ซึ่งเป็นข้อเรียกร้องของกัมพูชา แตกต่างจากมาตราส่วน 1:50,000 ที่ไทยยึดถือมาโดยตลอด หากใช้ตามข้อเสนอของกัมพูชา อาจทำให้เส้นเขตแดนลากทับพื้นที่เกาะกูด ส่งผลเสียต่อสิทธิในดินแดนและการเจรจาในอนาคต
อีกทั้ง รัฐธรรมนูญปี 2560 มาตรา 178 กำหนดให้สนธิสัญญาหรือข้อตกลงระหว่างประเทศที่มีผลกระทบต่ออธิปไตยหรือเปลี่ยนแปลงเขตแดน ต้องผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา แต่ MOU44 ที่ลงนามเมื่อปี 2544 ไม่เคยผ่านการพิจารณาจากรัฐสภา จึงถือว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญ
ทั้งนี้ รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เคยมีมติ ครม. เมื่อปี 2552 ให้ยกเลิก MOU44 ด้วยเหตุผลกระทบต่ออธิปไตยของชาติ แต่ปัจจุบันยังมีข้อกังขาว่าการยกเลิกดังกล่าวมีผลสิ้นสุดทางกฎหมายจริงหรือไม่
ฝ่ายค้านเห็นว่า หากยังคง MOU43 และ 44 อาจเป็นประโยชน์แก่ต่างชาติในการเข้ามาแสวงหาทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่ทับซ้อน และอาจนำไปใช้เป็นหลักฐานอ้างสิทธิ์ต่อองค์กรระหว่างประเทศ จึงจำเป็นต้องยกเลิกทันที เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของชาติและสร้างความชัดเจนทางกฎหมาย
ที่มาประกอบเนื้อหาข่าว
1.https://shorturl.at/egzU5


