กองทัพไทยยันมีหลักฐานฟ้องโลกทหารกัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง
กองทัพไทยยืนยันมุ่งมั่นก่อสันติภาพพื้นที่ชายแดน วอนประชาชมคมโลกส่องพฤติกรรมทหารกัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง
KEY
POINTS
- กองทัพไทยยืนยันว่ามีหลักฐานชัดเจน เช่น บันทึกเหตุการณ์และการสื่อสาร ว่าทหารกัมพูชาเป็นฝ่ายเริ่มยิงใส่ที่มั่นของไทยก่อนที่บริเวณภูมะเขือและช่องอานม้า
- โฆษกกองทัพไทยชี้ว่าการละเมิดข้อตกลงของกัมพูชาสะท้อนถึงปัญหาการควบคุมกำลังพลที่ไร้ประสิทธิภาพ หรืออาจมีเจตนาทางการเมืองอยู่เบื้องหลัง
- ฝ่ายไทยเรียกร้องให้กัมพูชาหยุดปฏิเสธความจริงและหันไปจัดการปัญหาภายใน พร้อมแสดงความพร้อมให้กลไกนานาชาติตรวจสอบข้อเท็จจริง
- เหตุการณ์ยิงถูกมองว่าเป็นผลจากความสิ้นหวังของทหารกัมพูชาแนวหน้าที่ขาดแคลนเสบียง จนมีบางส่วนยอมมอบตัวกับฝ่ายไทยในเวลาต่อมา
เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2568 พล.ต.วิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย แถลงตอบโต้กรณีที่กระทรวงการต่างประเทศและความร่วมมือระหว่างประเทศกัมพูชาออกแถลงการณ์เมื่อคืนวันที่ 29 กรกฎาคม โดยยืนยันว่าไทยยึดหลักข้อเท็จจริง ไม่บิดเบือนข้อมูล พร้อมเปิดรับการตรวจสอบจากกลไกนานาชาติ พร้อมระบุ 5 ประเด็นสำคัญ ดังนี้
1. ไทยยึดข้อเท็จจริง ไม่กล่าวหาโดยไร้มูล
กองทัพไทยยืนยันว่าการเปิดเผยข้อมูลการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงโดยฝ่ายกัมพูชา เป็นข้อเท็จจริงที่ได้รับการตรวจสอบแล้ว โดยทหารกัมพูชาได้ยิงเข้าใส่ที่มั่นของทหารไทยบริเวณ “ภูมะเขือ” และ “ช่องอานม้า” เวลา 21.30 น. วันที่ 29 ก.ค. 2568 ไม่ใช่การกล่าวหาโดยไม่มีหลักฐาน ทั้งนี้ มีบันทึกเหตุการณ์ การสื่อสาร และพยานแวดล้อมที่ชัดเจนหลายด้านรองรับ
2. พฤติกรรมทหารกัมพูชาสะท้อนวิกฤตภายใน
การที่ทหารกัมพูชาบางหน่วยยังใช้อาวุธหลังคำสั่งหยุดยิง แสดงถึงภาวะไร้ประสิทธิภาพในการบังคับบัญชา หรืออาจถึงขั้นมีผู้อยู่เบื้องหลังปล่อยให้เกิดความรุนแรงเพื่อเป้าหมายทางการเมือง กองทัพไทยเห็นว่าการปฏิเสธความรับผิดชอบของรัฐบาลกัมพูชา เป็นการซ้ำเติมภาพลักษณ์ที่ยิ่งตอกย้ำภาวะ “ล้มเหลวในการควบคุมกำลังพล”
3. ไทยยืนยันหลักสันติวิธี พร้อมเปิดรับการตรวจสอบ
กองทัพไทยพร้อมให้ความร่วมมือกับกลไกตรวจสอบข้อเท็จจริงจากนานาชาติอย่างโปร่งใส และเปิดให้เข้าถึงพื้นที่ได้เต็มที่ โดยไม่มีสิ่งใดต้องปิดบัง ยืนยันว่าพฤติกรรมของไทยตั้งอยู่บนหลักสันติภาพ ไม่ใช่เพียงคำกล่าวอ้าง แต่ยืนยันได้จากการกระทำ
4. กัมพูชาควรทบทวนตนเอง แทนที่จะกล่าวหาผู้อื่น
กองทัพไทยเรียกร้องให้รัฐบาลกัมพูชาเลิกกล่าวหาผู้อื่นโดยไม่จัดการปัญหาภายใน คำถามสำคัญคือ “เหตุใดคำสั่งหยุดยิงจึงไม่สามารถยุติเสียงปืนแนวหน้าได้?” สิ่งนี้สะท้อนถึงภาวะไร้อำนาจควบคุมของรัฐบาลกัมพูชา และความอ่อนแอของโครงสร้างการทหาร ซึ่งบั่นทอนศักดิ์ศรีของกองทัพตนเอง
5. เหตุยิงเมื่อคืน สะท้อนความล้มเหลวเชิงมนุษยธรรม
เหตุการณ์เมื่อคืนวันที่ 29 ก.ค. ที่ทหารกัมพูชาใช้อาวุธประจำกายยิงเข้ามายังที่มั่นไทย บ่งชี้ถึงสภาพที่ยากลำบากของทหารแนวหน้าในฝั่งกัมพูชา ซึ่งขาดเสบียง หมุนเวียนกำลัง และการดูแลขั้นพื้นฐาน จนมีทหารหลายคนวางอาวุธและเข้ามอบตัวกับฝ่ายไทยเองในเวลาต่อมา
โฆษกกองทัพไทยชี้ว่า “นี่ไม่ใช่การปฏิบัติทางยุทธวิธี แต่เป็นเสียงเรียกร้องจากทหารที่รู้สึกโดดเดี่ยว หิวโหย และหมดหวัง” พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลกัมพูชา “หันกลับไปดูแลกำลังพลของตนเอง” แทนที่จะโกหกซ้ำซากและโทษผู้อื่น


