พม.ฟ้องโลกกัมพูชาโจมตีพลเรือนไทยก่ออาชญากรรมต่อมนุษย์
วราวุธ ศิลปอาชา รมว.พม. เรียกร้องประชาคมโลกอย่าเพิกเฉย กรณีกัมพูชาโจมตีพลเรือนไทยเป็นพฤติการณ์ก่ออาชญากรรมต่อมนุษย์
KEY
POINTS
- วราวุธ ศิลปอาชา รมว.พม. เรียกร้องประชาคมโลกอย่าเพิกเฉย
- กรณีกัมพูชาโจมตีพลเรือนไทยเป็นพฤติการณ์ก่ออาชญากรรมต่อมนุษย์
นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) ได้ออกแถลงการณ์ในนามกระทรวงฯ เพื่อประณามการโจมตีพลเรือนตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งเป็นการละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง และส่งผลกระทบต่อกลุ่มเปราะบาง รวมถึงความมั่นคงของมนุษย์ โดยเน้นย้ำว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ใช่เพียงการละเมิดพรมแดน แต่เป็นการ "ละเมิดความเป็นมนุษย์"
รมว.พม. แสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อผู้เสียชีวิต ครอบครัว และผู้ได้รับผลกระทบทุกคน จากการโจมตีอันโหดเหี้ยมและจงใจ โดยกัมพูชาต่อพื้นที่พลเรือนของไทย
พฤติกรรมสุดช็อก: วางทุ่นระเบิด-ถล่มร้านค้า-โรงพยาบาล
แถลงการณ์ระบุถึงความรุนแรงที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะในวันที่ 16 และ 23 กรกฎาคม 2568 ที่มีการ "ฝังทุ่นระเบิดสังหารบุคคล" บนผืนแผ่นดินไทย ทำให้เจ้าหน้าที่ทหารบาดเจ็บสาหัสถึงขั้นพิการ สูญเสียขาทั้งสองข้าง รวมถึงอนาคตที่เคยวาดหวังไว้
แต่ความโหดร้ายยังไม่หยุดแค่นั้น ในวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 ความรุนแรงได้ข้ามเส้นแบ่งที่ไม่อาจให้อภัย เมื่อ "พลเรือนตกเป็นเป้าหมาย" โดยไม่มีการเตือนล่วงหน้า ไม่มีความปรานี แม้แต่กับเด็กๆ สถานที่อย่างร้านสะดวกซื้อและโรงพยาบาล ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของทุกคน กลับกลายเป็นฉากแห่งความสยดสยอง
13 ชีวิตสังเวย! เด็ก 9 ขวบ-15 ปี ไม่ได้ตายในสนามรบ แต่ตายเพราะความรุนแรง
สิ่งที่สร้างความสะเทือนใจอย่างยิ่งคือ "ผู้เสียชีวิตทั้ง 13 คน" รวมถึงเด็กชาย 2 คน อายุ 9 ขวบ และเด็กหญิง 1 คน อายุ 15 ปี พวกเขาไม่ได้เสียชีวิตในสนามรบ แต่ตายขณะใช้ชีวิตธรรมดาๆ ความฝันและอนาคตถูกทำลายในพริบตา นอกจากนี้ยังมีผู้บาดเจ็บอีกกว่า 30 คน
รมว.พม. ย้ำว่า สิ่งที่ครอบครัวเหล่านี้ต้องสูญเสียไป "ไม่อาจเยียวยาได้ด้วยถ้อยคำหรือความเงียบ" นี่ไม่ใช่ "ความเสียหายข้างเคียง" แต่คือ "อาชญากรรมต่อศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์" การโจมตีเหล่านี้ได้ทำลายความรู้สึกปลอดภัยของประชาชน และสร้างความหวาดกลัวในชุมชนที่เคยสงบสุข ความทุกข์ทรมานเหล่านี้ไม่ใช่แค่ตัวเลขในรายงาน แต่เป็นเรื่องส่วนตัว เรื่องที่ถาวร และไม่ยุติธรรม
ประณาม "กัมพูชา" ละเมิดอนุสัญญาระหว่างประเทศ - จี้ "ประชาคมโลก" อย่าเพิกเฉย
กระทรวง พม. ขอ "ประณามการกระทำเหล่านี้ด้วยถ้อยคำที่หนักแน่นที่สุด" นี่คือการรุกรานอธิปไตยของประเทศไทยโดยตรง และเป็นการละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง กัมพูชาจะต้องรับผิดชอบตามพันธกรณีภายใต้อนุสัญญาเจนีวาและพิธีสารเพิ่มเติม, อนุสัญญาออตตาวาว่าด้วยการห้ามทุ่นระเบิด, อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก มาตรา 38, อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิของคนพิการ มาตรา 10 และ 11 และปฏิญญาทางการเมืองของการประชุม CSW ครั้งที่ 69 ที่เรียกร้องให้คุ้มครองผู้หญิงและเด็กในพื้นที่ขัดแย้ง
พร้อมกันนี้ ได้เรียกร้องต่อ "ประชาคมระหว่างประเทศ" ให้ "อย่าเพิกเฉย อย่านิ่งเฉย" เพราะเมื่อเผชิญกับความโหดร้ายทารุณเช่นนี้ "ความเงียบคือการสมรู้ร่วมคิด"
กระทรวง พม. เรียกร้องให้กัมพูชา "ยุติการรุกรานในทันที" เคารพอธิปไตยของไทย และแสดงความรับผิดชอบอย่างเต็มที่ต่อความเสียหายที่ไม่อาจย้อนคืนซึ่งเกิดขึ้นกับผู้บริสุทธิ์ ทั้งหมดนี้ "เพื่อสันติภาพ เพื่อความยุติธรรม เพื่อเด็กเหล่านั้น ที่จะไม่มีวันได้เติบโตเป็นผู้ใหญ่"


