“ภูมิธรรม” ลั่นกวาดล้างยาเสพติดใน 3 เดือน ขู่เด้งหากพบเกียร์ว่าง
“ภูมิธรรม” เปิดศึกกวาดล้างยาเสพติด พร้อมเด้งเจ้าหน้าที่เกียร์ว่าง-เอี่ยวขบวนการ ตั้งเป้าหมาย 3 เดือน ชุมชนปลอดยาเสพติด หรือพิจารณาสั่งย้ายผู้บริหารระดับสูง
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ได้เปิดตัวปฏิบัติการกวาดล้างยาเสพติดภายใต้แนวคิด "No Drugs No Dealers" โดยมุ่งเน้นการผนึกกำลังชุมชนเพื่อสร้างพื้นที่ปลอดยาเสพติด พร้อมประกาศนโยบายเข้มงวดต่อเจ้าหน้าที่ที่ละเลยหน้าที่หรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด
รองนายกฯ ภูมิธรรม ระบุว่า ปัจจุบันประเทศไทยกำลังเผชิญกับคลื่นอาชญากรรมข้ามชาติที่ร้ายแรง ครอบคลุมทั้งการค้ามนุษย์ ขบวนการคอลเซ็นเตอร์ และที่สำคัญคือการลักลอบขนยาเสพติดเข้าประเทศ โดยเฉพาะจากแนวชายแดนภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
แม้ว่าประเทศไทยจะไม่ใช่แหล่งผลิตยาเสพติด แต่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการเป็นเส้นทางผ่านและตลาดปลายทาง ทำให้ยาเสพติดแพร่ระบาดในหมู่บ้านและชุมชน สร้างความเสียหายต่อชีวิตประชาชน ทำลายความสงบสุข และตัดโอกาสของเยาวชนรุ่นใหม่
ปฏิบัติการเข้มข้น ครอบคลุมทั้งประเทศ
สำหรับดำเนินงานแก้ไขปัญหายาเสพติด ประกอบด้วยมาตรการหลายด้าน ได้แก่:
1. ปฏิบัติการ Seal Stop Safe ในพื้นที่ 14 จังหวัด 51 อำเภอชายแดน เริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 และได้ผลสำเร็จเป็นที่น่าพอใจ
2. โมเดลต้นแบบ ธวัชบุรีโมเดลและท่าวังผาโมเดล ซึ่งรัฐบาลได้ขยายผลไปยังพื้นที่ 10 จังหวัดนำร่อง
3. การขับเคลื่อนระดับชาติ ครอบคลุมกรุงเทพมหานครและจังหวัดทั้ง 76 จังหวัด 878 อำเภอ โดยอาศัยความร่วมมือของข้าราชการทุกระดับ
เป้าหมาย 3 เดือน ชุมชนต้องปลอดยาเสพติด
รองนายกฯ ภูมิธรรม ได้กำหนดเป้าหมายภายใน 3 เดือน หมู่บ้านและชุมชนที่มีปัญหายาเสพติดจะต้องสามารถ เริ่มแก้ไขปัญหาได้อย่างเป็นรูปธรรม รวมทั้งวางกลไกการดำเนินงานของชุมชนให้ประกาศตนเป็นหมู่บ้านชุมชนปลอดยาเสพติด โดยไม่มีทั้งผู้ค้าและผู้เสพ
การดำเนินงานตามนโยบายนี้ จำเป็นต้องอาศัยการทำงานร่วมกันของหน่วยงานสำคัญ 3 เสาหลักคือ ฝ่ายปกครอง นำโดยผู้ว่าราชการจังหวัด, ฝ่ายตำรวจ นำโดยผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด และฝ่ายสาธารณสุข นำโดยนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด
โดยผู้ว่าราชการจังหวัดจะต้องทำหน้าที่เป็น "ผู้ว่าฯ CEO" ที่เป็นเจ้าภาพหลักในการบริหารจัดการแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่ ด้วยข้อมูลจากสถานการณ์จริงและเข้าใจบริบทเฉพาะของแต่ละจังหวัด
กลไกการดำเนินงานระดับฐานราก
การขับเคลื่อนนโยบายสู่ระดับปฏิบัติ จะใช้กลไกของกระทรวงมหาดไทยในทุกระดับ ตั้งแต่จังหวัด อำเภอ ตำบล และหมู่บ้าน โดยมอบหมายให้ นายอำเภอ ประสานงานในระดับอำเภอ, กำนันและผู้ใหญ่บ้าน เป็นแกนนำในระดับหมู่บ้าน และอาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน (ชรบ.) ที่มีจำนวนถึง 6-7 แสนคน สนับสนุนการดำเนินงาน โดยใช้ยุทธวิธีการปฏิบัติ 3 มิติ
1. การป้องกันและสกัดกั้น เฝ้าระวังและตรวจตราทุกพื้นที่ ตรวจสอบสถานบันเทิงอย่างเข้มงวด และใช้กลไกปกครองในการหาข่าวสารภายในพื้นที่
2. การปราบปราม ด้วยการจับกุมผู้ค้ายาเสพติดและดำเนินการตามกฎหมาย ทำลายเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติดทั้งระบบซึ่งมุ่งเน้นผู้ค้ารายใหญ่เป็นพิเศษ
3. การบำบัดและฟื้นฟู ให้ถือหลัก "ผู้เสพคือผู้ป่วย" ที่ต้องได้รับการรักษา จัดการบำบัดตามกลุ่มผู้ป่วย เพื่อฟื้นฟูสมรรถนะให้กลับสู่สังคมอย่างยั่งยืน
พลังประชาชน: กุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จ
นายภูมิธรรม ย้ำว่า พลังของประชาชนคือปัจจัยสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหายาเสพติดประสบผลสำเร็จ โดยเสนอให้ กำนันและผู้ใหญ่บ้านเป็นผู้นำในการต่อต้านยาเสพติด ด้วยการจัดทำกติการ่วมหรือธรรมนูญหมู่บ้านเรื่องการป้องกันยาเสพติด และสร้างเครือข่าย "ตาสับปะรด" ในทุกพื้นที่เพื่อเฝ้าระวังและรายงานข้อมูล
มาตรการเด็ดขาด: เด้งเจ้าหน้าที่เกียร์ว่าง
นายภูมิธรรม ยังประกาศมาตรการเด็ดขาดต่อเจ้าหน้าที่ที่ไม่ปฏิบัติหน้าที่หรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด โดย หากภายใน 3 เดือน ไม่มีการเปลี่ยนแปลงหรือผลการดำเนินงานที่ชัดเจน หรือผู้บริหารระดับจังหวัดที่เมินเฉยหรือไม่ให้ความสำคัญกับปัญหา และตรวจพบเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องสนับสนุนขบวนการยาเสพติด จะมีมาตรการลงโทษอย่างเด็ดขาด ด้วยการสั่งย้ายออกจากพื้นที่ทันที และดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด โดยไม่เลือกหน้าไม่เลือกตาไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ระดับใด ซึ่งปัจจุบันทางกระทรวงมหาดไทยได้มีรายชื่อเจ้าหน้าที่ที่ต้องสงสัยในทุกระดับแล้ว และพร้อมที่จะดำเนินการอย่างเด็ดขาด


