การเมืองระอุปลุกรอยร้าวจับตาภูมิธรรมดำเนินคดีรุกที่เขากระโดง

ศึกสีแดง-น้ำเงิน เขย่าขั้วการเมือง จับตาคดีร้อนสะเทือนรัฐบาล

การเมืองไทยกำลังเข้าสู่ช่วงเวลาที่ร้อนแรงและเข้มข้นยิ่งขึ้น ด้วยความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นระหว่างพรรคเพื่อไทย (เสื้อแดง) และพรรคภูมิใจไทย (เสื้อน้ำเงิน) ซึ่งส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพของรัฐบาลและอนาคตทางการเมืองของประเทศ รายงานพิเศษฉบับนี้จะพาไปเจาะลึกประเด็นสำคัญที่กำลังเป็นที่จับตา ทั้งคดีที่ดินเขากระโดง การสมคบคิดเลือกสว. และบทบาทขององค์กรอิสระอย่าง ป.ป.ช. รวมถึงอิทธิพลของอดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร ที่ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญในสมการการเมือง
 

คดีที่ดินเขากระโดง: เดิมพันใหม่ในมือ "ภูมิธรรม"

หนึ่งในประเด็นที่ถูกหยิบยกขึ้นมาอีกครั้งคือ คดีที่ดินเขากระโดง จังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งถูกกล่าวหาว่าบุกรุกที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย โดยพรรคเพื่อไทยในฐานะผู้กุมบังเหียนกระทรวงมหาดไทย กำลังเดินหน้าตรวจสอบอย่างจริงจัง

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย มีกำหนดแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อพิจารณาคดีนี้อีกครั้งในวันที่ 14 กรกฎาคมนี้ โดยมุ่งเป้าไปที่คำถามว่าเหตุใดอธิบดีกรมที่ดินคนก่อนหน้านี้จึงไม่ดำเนินการเพิกถอนเอกสารสิทธิ์ ทั้งที่มีคำสั่งศาลที่เห็นชอบกับการรถไฟแล้ว ซึ่งเรื่องนี้ถูกเปรียบเทียบกับการไม่ดำเนินการของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยจากพรรคภูมิใจไทยอย่างชัดเจน ด้าน นายศักดา นพสิทธิ์ นักวิเคราะห์การเมือง แสดงความเห็นว่าเอกสารสิทธิ์ที่ดินควรถูกเพิกถอนโดยไม่มีการชดเชย เพราะเป็นที่ดินของการรถไฟอยู่แล้ว

มหากาพย์ "หัวเสือ": ปริศนาเลือกสว.และความล่าช้าของกกต.

การเลือกสว.ยังคงเป็นประเด็นร้อนแรงที่มีข้อกล่าวหาเรื่องการสมคบคิด หรือที่รู้จักกันในชื่อ "หัวเสือ" โดยมีรายงานข่าวช่วงหนึ่งระบุว่าคณะอนุกรรมการของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้สรุปผลการสอบสวนและพร้อมส่งเรื่องฟ้องบุคคลที่เกี่ยวข้องถึง 229 คน ซึ่งรวมถึง ส.ว. ปัจจุบัน 138 คน และบุคคลอีก 91 คนที่เชื่อมโยงกับพรรคการเมืองใหญ่ 

อย่างไรก็ตาม กกต. ได้ออกมาชี้แจงภายหลังว่าการสอบสวนยังอยู่ในขั้นตอนเริ่มต้น และรายงานของคณะอนุกรรมการยังไม่เสร็จสิ้นมีกำหนดส่งภายในวันที่ 17 กรกฎาคมนี้ ซึ่งก่อให้เกิดความกังขาในประสิทธิภาพการทำงานของ กกต. โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาจากกรณีที่เรื่องร้องเรียนต่อผู้สมัคร สว.ในจังหวัดบุรีรัมย์และขอนแก่นก่อนหน้านี้ถูกยกฟ้องไปแล้ว
 

ป.ป.ช. กับกองคดีอ่อนไหว: ชะตากรรมนักการเมืองในมือองค์กรอิสระ

หลายคดีอ่อนไหวทางการเมืองกำลังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ซึ่งรวมถึงเรื่องร้องเรียน 

• แพทองธาร ชินวัตร เกี่ยวกับการละเมิดจริยธรรมและการร่างงบประมาณที่อาจขัดต่อรัฐธรรมนูญ
• คดี "แจกกล้วย" ที่เกี่ยวข้องกับอดีต ส.ส. ในยุครัฐบาลพลังประชารัฐ
• เรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับคดีที่ดินเขากระโดง
• การสอบสวนพฤติกรรมของ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค
• เรื่องร้องเรียนต่อ นายทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และ พ.ต.ท. ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ในการจัดการคดีสมคบคิดเลือกสว.
• คดีการเข้าพักรักษาตัวของ ทักษิณ ชินวัตร ที่โรงพยาบาลตำรวจ
• คดีอดีต ส.ส. พรรคก้าวไกล 44 คน ที่เสนอแก้ไขมาตรา 112

นายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข ประธาน ป.ป.ช. คนใหม่ ได้ประกาศหลักการในการจัดการคดีให้รวดเร็ว เป็นธรรม และโปร่งใสมากขึ้น เพื่อหวังจะลบล้างภาพลักษณ์ของ ป.ป.ช. ที่ถูกมองว่าเป็น "เขตสนธยา" ที่ได้รับอิทธิพลจากเครือข่ายอำนาจเก่า

ทักษิณ ชินวัตร: อิทธิพลที่มองไม่เห็นในสมการการเมือง

แม้จะพ้นตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมานานแล้ว แต่ ทักษิณ ชินวัตร ยังคงมีอิทธิพลอย่างมากต่อการเมืองไทย นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ได้ยื่นเรื่องร้องเรียนต่อ ป.ป.ช. กรณีที่ นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เชิญทักษิณเข้าร่วมการประชุมนโยบายที่ทำเนียบพิษณุโลก โดยตั้งคำถามถึงบทบาทและอิทธิพลที่อาจเกิดขึ้นของทักษิณ

ดร.พิชัย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์ แสดงความเห็นว่าการเมืองไทยยังคงดำเนินไปโดยมีผู้เล่นหลักที่ไม่ได้ดำรงตำแหน่งอย่างเป็นทางการ และคำกล่าวของทักษิณมักถูกมองว่าเป็น "คำสั่ง" มากกว่าเพียงแค่ความคิดเห็น ทักษิณยังได้ส่งสัญญาณไปยังระบบราชการและสถาบันว่าพรรคของเขาไม่ใช่ภัยคุกคาม พร้อมทั้งระบุว่าการเป็นพันธมิตรทางการเมืองนั้นขึ้นอยู่กับ "จำนวน" ของเสียงสนับสนุนมากกว่าเจตจำนงของประชาชนอย่างแท้จริง

ดร.พิชัย สรุปสถานการณ์การเมืองไทยว่า ไม่ได้มีเพียงแค่ "เด็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ" เท่านั้น แต่ยังมี "ผู้ใหญ่ที่ไม่ยอมปล่อยมือจากอำนาจ" ซึ่งสะท้อนถึงความซับซ้อนและพลวัตของการเมืองไทยในปัจจุบัน

สถานการณ์เหล่านี้ชี้ให้เห็นถึงช่วงเวลาแห่งการช่วงชิงอำนาจทางการเมืองและกฎหมายที่เข้มข้น ซึ่งจะส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อเสถียรภาพของรัฐบาลชุดปัจจุบันและภูมิทัศน์ทางการเมืองในอนาคตอันใกล้.