"ภูมิธรรม" ชี้ อำนาจยุบสภาอยู่ที่สถานการณ์-ไม่ถึงเวลาตัดสินใจ
"ภูมิธรรม" ชี้ อำนาจยุบสภาขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ยังไม่ถึงเวลาตัดสินใจ ยอมรับกฤษฎีกาแค่ "ให้ความเห็น" รักษาการฯ ทำไม่ได้
ประเด็นเรื่องอำนาจในการยุบสภาของผู้รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรียังคงเป็นที่ถกเถียง นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ยอมรับว่าเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ให้ความเห็นในที่ประชุม ครม. นัดพิเศษเมื่อวันที่ 3 ก.ค. ว่าผู้รักษาราชการฯ ไม่มีอำนาจดังกล่าว แต่ย้ำว่านี่เป็นเพียง "ข้อคิดเห็น" ไม่ใช่ข้อสรุปที่บันทึกอย่างเป็นทางการ
ขณะที่ นายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ยืนยันหนักแน่นถึงหลักการที่ผู้รักษาการฯ ไร้อำนาจยุบสภา พร้อมตำหนิผู้ที่นำข้อมูลในที่ประชุมไปเผยแพร่จนอาจคลาดเคลื่อน
"ภูมิธรรม" ย้ำ "สถานการณ์การเมือง" กำหนดการใช้อำนาจ
นายภูมิธรรมชี้แจงถึงการหารือในที่ประชุม ครม. นัดพิเศษว่า เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ให้ข้อคิดเห็นและคำแนะนำเกี่ยวกับอำนาจของผู้รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี โดยยกตัวอย่างการปกครองในระบอบรัฐสภาแบบ Westminster ของอังกฤษ ที่ไม่มีตำแหน่งนายกรัฐมนตรีรักษาการในลักษณะนี้ แต่เน้นย้ำว่านี่เป็นเพียง "ความเห็นวิชาการ" ที่ควรรับฟังและพิจารณา ไม่ใช่สิ่งที่รัฐบาลต้องยึดเป็นหลัก หรือเป็นข้อสรุปที่ยืนยันแล้ว
เมื่อถูกถามถึงความเป็นไปได้ในการใช้อำนาจยุบสภาหากเกิดสถานการณ์การเมืองคับขัน นายภูมิธรรมกล่าวว่า "จะใช้อำนาจอะไรก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ทางการเมืองแต่ละช่วง" พร้อมย้ำว่าในเมื่อยังไม่ถึงสถานการณ์ดังกล่าว ก็ไม่จำเป็นต้องคิดล่วงหน้า เพราะวันนี้คือเวลาที่ต้องมุ่งมั่นทำงานให้ประชาชนเกิดความมั่นใจ ไม่ใช่การสร้างความไม่แน่นอนหรือความไม่มั่นใจในเรื่องที่ยังไม่เกิดขึ้น
"ปกรณ์" ยืนกราน "หลักความไว้วางใจ" ผู้รักษาการฯ ไร้อำนาจยุบสภา
นายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ได้ให้สัมภาษณ์ยืนยันถึงหลักการว่า ผู้รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรีไม่มีอำนาจในการยุบสภา โดยอธิบายว่าเป็นไปตาม "หลักความไว้วางใจ" ในระบอบประชาธิปไตยแบบรัฐสภา ซึ่งกำหนดให้การเสนอแต่งตั้งรัฐมนตรีและการยุบสภาเป็นอำนาจเฉพาะตำแหน่งของนายกรัฐมนตรีเท่านั้น
นายปกรณ์ชี้แจงเพิ่มเติมผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า รองนายกรัฐมนตรีที่รักษาราชการแทนนายกฯ เป็นเพียงรัฐมนตรีคนหนึ่งที่ได้รับความไว้วางใจจากนายกฯ ไม่ใช่ผู้ที่ได้รับความไว้วางใจจากสภาให้เป็นหัวหน้าฝ่ายบริหาร จึงไม่มีอำนาจแต่งตั้งหรือปลดรัฐมนตรีคนอื่น และยิ่งไปกว่านั้นคือไม่สามารถเสนอให้ยุบสภาได้ หากนายกฯ ตัวจริงยังคงอยู่ในตำแหน่ง
นายปกรณ์ กล่าวเสริมว่า หากนายกฯ พ้นจากตำแหน่งไม่ว่าด้วยเหตุใด ครม.จะพ้นทั้งคณะและสภาจะต้องดำเนินการเพื่อให้มี ครม. ใหม่ ซึ่งหมายความว่าสภาจะต้องคงอยู่เพื่อกระบวนการดังกล่าวและไม่สามารถถูกยุบได้ในห้วงเวลานั้น หรือแม้แต่นายกฯ ป่วยจนปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้โดยสิ้นเชิง ผู้รักษาการฯก็ไม่มีอำนาจยุบสภา เพราะเป็นเรื่องที่สภาจะต้องเรียกประชุมเพื่อพิจารณาถอดถอนความไว้วางใจและหาผู้มาดำรงตำแหน่งแทน
ก่อนการประชุมครม.ประจำสัปดาห์ นายปกรณ์ได้แสดงความไม่พอใจและตำหนิผู้ที่นำข้อมูลจากการประชุม ครม. ไปเผยแพร่โดยไม่ครบถ้วน จนอาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิดและไม่ตรงกับข้อเท็จจริง โดยย้ำว่าการอธิบายกฎหมายควรยึดหลักการและที่มาที่ไป ไม่ใช่เพียงอธิบายผลลัพธ์ที่ต้องการเท่านั้น.


