จับตาการเมืองร้อนหน้าฝน เดือนก.ค.68ส่งผลกระทบเสถียรภาพรัฐบาล
จับตาสถานการณ์การเมืองไทย อะไรจะเกิดขึ้นในเดือนกรกฎาคม ศาลพิจารณาคดีนายกฯแพทองธารปมคลิปเสียงฮุนเซน สภาเดือดญัตติไม่ไว้วางใจ การปรับ ครม. และขั้วอำนาจใหม่
ประเด็นสำคัญที่น่าจับตา
คดีนายกรัฐมนตรีและ ม.112: ในวันที่ 1 กรกฎาคม ศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณาคำร้องถอดถอนนายกรัฐมนตรีจากข้อกล่าวหาการละเมิดจริยธรรมที่เกี่ยวข้องกับคลิปเสียงที่รั่วไหล ในวันเดียวกันนี้ยังมีการไต่สวนพยานในคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ (มาตรา 112) ซึ่งเป็นอีกหนึ่งคดีสำคัญที่สังคมให้ความสนใจ
ญัตติไม่ไว้วางใจจากภูมิใจไทย: แม้จะยังไม่มีจำนวน ส.ส. เพียงพอ แต่พรรคภูมิใจไทยได้ประกาศเจตนารมณ์ที่จะยื่นญัตติไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี ซึ่งต้องใช้เสียงสนับสนุน 1 ใน 5 ของสภาผู้แทนราษฎร หรือประมาณ 99-100 เสียง อย่างไรก็ตาม พรรคเพื่อไทยซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านหลักมองว่ายังไม่ถึงเวลาที่เหมาะสมและไม่ได้รับการปรึกษาหารือในเรื่องนี้
การปรับคณะรัฐมนตรีและพันธมิตรที่เปลี่ยนไป: รัฐบาลกำลังอยู่ระหว่างการปรับคณะรัฐมนตรี โดยพรรคเพื่อไทยมีเป้าหมายที่จะจัดตั้งรัฐบาลโดยไม่มีพรรคภูมิใจไทย ทำให้ภูมิใจไทยกลายมาเป็น "ฝ่ายค้านผู้เอาคืน" แทนที่จะเป็นฝ่ายค้านอย่างเป็นทางการ การเปลี่ยนแปลงนี้ส่งผลให้เกิดการปรับเปลี่ยนจำนวน ส.ส. ที่สนับสนุนรัฐบาลและฝ่ายค้านอย่างต่อเนื่อง โดยเสียงข้างมากของรัฐบาลถือว่ามีน้อย
การเปลี่ยนแปลงของขั้วการเมือง
ความเคลื่อนไหวภายในพรรคการเมืองต่างๆ แสดงให้เห็นถึงการจัดขั้วทางการเมืองใหม่:
- พรรครวมไทยสร้างชาติ พบว่ามี ส.ส. บางส่วนอาจไปร่วมกับพรรคภูมิใจไทย
- มีความพยายามที่จะดึง พรรคไทยสร้างไทย (5 ที่นั่ง) เข้าร่วมเป็นพรรคร่วมรัฐบาล
- พรรคพลังประชารัฐ ซึ่งมี ส.ส. ฝ่ายค้าน 19 คน อาจไม่ได้รวมเป็นเอกภาพทั้งหมด โดยบางส่วนอาจสนับสนุนรัฐบาล
การแต่งตั้งและตรวจสอบรัฐมนตรีใหม่
ในการปรับคณะรัฐมนตรี มีการหารือถึงตำแหน่งสำคัญต่างๆ:
- นายกรัฐมนตรีอาจจะควบตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ซึ่งอาจเป็นมาตรการป้องกันหากต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี
- นายภูมิธรรม เวชยชัย มีแนวโน้มสูงที่จะรับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
- มีการพูดถึงการแต่งตั้งรัฐมนตรีในกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตร และกระทรวงศึกษาธิการ
กระบวนการตรวจสอบคุณสมบัติและจริยธรรมของรัฐมนตรีใหม่มีความเข้มงวดมากขึ้น ทำให้ใช้เวลานานขึ้น มีรายงานว่ารัฐมนตรีบางรายถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตั้งข้อสังเกตว่าอาจมีความเสี่ยง
ข้อกล่าวหาและกลยุทธ์ทางการเมือง
เมื่อพรรคภูมิใจไทยย้ายไปอยู่ฝ่ายค้าน ทางฝั่งรัฐบาลได้ออกมาเตือนว่าจะมีการตรวจสอบการดำเนินงานในอดีตของรัฐมนตรีภูมิใจไทยในกระทรวงศึกษาธิการและมหาดไทย ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับการทุจริตหรือความไม่ชอบมาพากล โดยเฉพาะโครงการจัดซื้อ/เช่าแท็บเล็ตและบริการคลาวด์ในกระทรวงศึกษาธิการมูลค่านับหมื่นล้านบาท
การผลักดันญัตติไม่ไว้วางใจของภูมิใจไทยถูกมองว่าเป็นกลยุทธ์เพื่อป้องกันไม่ให้นายกรัฐมนตรียุบสภา เนื่องจากการยุบสภาไม่สามารถทำได้ในระหว่างการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ความหวังของพรรคภูมิใจไทยคือ หากนายกรัฐมนตรีแพ้โหวตและลาออก ก็อาจเปิดโอกาสให้ผู้สมัครจากพรรคของตนเองได้
ความแตกแยกภายในพรรครวมไทยสร้างชาติ
รายงานยังเน้นย้ำถึงความแตกแยกภายในพรรครวมไทยสร้างชาติ ซึ่งประกอบด้วยอย่างน้อยสามกลุ่ม และตั้งคำถามถึงความภักดีของกลุ่มเหล่านี้ต่อรัฐบาลผสมในปัจจุบัน โดยมีสมาชิกบางคนได้เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีลาออกอย่างเปิดเผย
บทสรุป
แม้จะมีการจัดตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ได้ แต่สถานการณ์การเมืองไทยยังคงเต็มไปด้วยความท้าทายและอุปสรรคสำคัญที่รออยู่เบื้องหน้า
ที่มาประกอบเนื้อหา เนชั่นสุดสัปดาห์


