posttoday

"นิติสงคราม" เขย่าบัลลังก์แพทองธาร เสี่ยงสะเทือนเสถียรภาพ

25 มิถุนายน 2568

ศึกนิติสงครามจ่อเขย่าเก้าอี้นายกฯแพทองธาร ศาล รธน.นัดชี้ชะตาคำร้องถอดถอน ปมคลิปเสียง “ฮุน เซน” เสี่ยงเกิดภาวะสุญญากาศทางการเมือง

การเมืองไทยเข้าสู่ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่ออีกครั้ง เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคมนี้ ศาลรัฐธรรมนูญนัดประชุมเพื่อพิจารณา"รับหรือไม่รับคำร้องถอดถอน" น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ตามคำร้องของนายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา ในนามสมาชิก ส.ว. 36 คน  
 
คำร้องอ้างอิงรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 โดยชี้ว่า "แพทองธาร" กระทำการฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง จากกรณีคลิปเสียงการสนทนากับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ซึ่งเชื่อมโยงกับสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา เข้าข่ายผิดตามมาตรา 160 (4)(5) และมาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4)

พร้อมกันนี้ ในคำร้องยังขอให้ศาลสั่ง "หยุดปฏิบัติหน้าที่" หากมีมติรับพิจารณาคำร้องดังกล่าว

ขณะเดียวกัน ฝ่าย ส.ว. ยังยื่นเรื่องจริยธรรมซ้อนเข้าที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ซึ่งเมื่อวันที่ 23 มิ.ย. ที่ผ่านมา คณะกรรมการมีมติเอกฉันท์ “รับเรื่องไว้ตรวจสอบเบื้องต้น”
 

เบื้องหลังคำร้องนี้ มีนัยทางการเมืองที่ลึกซึ้งยิ่งกว่ากฎหมาย เพราะสะท้อนชัดว่า ฝ่าย "สีน้ำเงิน" ที่ถูกผลักออกจากขั้วอำนาจ กำลังรวมพลัง "เอาคืน" แพทองธาร ในฐานะผู้นำรัฐบาลที่ถือเป็น "กล่องดวงใจ" ของคนแดนไกล ด้วยการยืมมือองค์กรอิสระเปิดฉาก “เกมเชือดนายกฯ” โดยมี "ภท." และ “ลุงบ้านป่า” เป็นผู้เดินเกมร่วม

ปรากฏการณ์นี้กำลังกลายเป็น “เกมผสมโรง” ที่มีทั้งอดีตผู้มีอำนาจ ฝ่ายการเมือง และเครือข่ายในองค์กรอิสระ จับมือหวังล้มรัฐบาลผ่านกระบวนการ "นิติสงคราม"

นายจรัญ ภักดีธนากุล อดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ วิเคราะห์ว่า กรณีนี้อาจมีลักษณะคล้ายกับกรณีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งเคยถูกศาลสั่ง “หยุดปฏิบัติหน้าที่” ระหว่างพิจารณาคำร้องวาระนายกรัฐมนตรี

ในสายตานายจรัญ คดีนี้มีความชัดเจนมากพอที่จะรับคำร้อง โดยไม่จำเป็นต้องขอความเห็นจากฝ่ายใดเพิ่มเติม ต่างจากกรณีการยื่นตีความการล้มล้างการปกครอง ซึ่งยังคลุมเครือและต้องส่งให้อัยการสูงสุดพิจารณาก่อน

แม้ศาลอาจรับคำร้อง ก็ไม่จำเป็นต้องสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ในทันที เพราะคำสั่ง "หยุด-ไม่หยุด" ไม่มีผลผูกพันกับคำวินิจฉัยในอนาคต

เทียบกับกรณี พล.อ.ประยุทธ์ ที่ถูกสั่งหยุดแต่ภายหลังรอดตำแหน่ง ขณะที่กรณี "เศรษฐา ทวีสิน" กลับกัน – ไม่ถูกสั่งหยุด แต่สุดท้ายสิ้นสุดตำแหน่งจากคำวินิจฉัย
 

แม้ตามรัฐธรรมนูญจะระบุว่า หากนายกฯหยุดปฏิบัติหน้าที่ รองนายกฯลำดับถัดไปคือ “ภูมิธรรม เวชยชัย” จะรักษาการ แต่ในบริบทการเมืองที่เปราะบางเช่นนี้ ย่อมสุ่มเสี่ยงต่อการเกิดภาวะสุญญากาศในรัฐบาล และอาจกลายเป็นช่องว่างให้ฝ่ายตรงข้ามเร่งเดินเกมรุก

ขณะเดียวกัน นอกสภาก็เริ่มมีความเคลื่อนไหวคู่ขนาน ทั้งการปลุกกระแส “ต้านตระกูลชินวัตร” และการรวมพลทางการเมือง ซึ่งเป็นปัจจัยเสริมแรงเกมนิติสงครามให้ทรงพลังมากยิ่งขึ้น

แม้รัฐบาลยังมั่นใจว่ามีเสียงข้างมากเพียงพอ แต่สถานการณ์ที่รายล้อมอยู่นี้กำลังรุกเร้าอย่างต่อเนื่อง หากเกมนิติสงครามเดินไปถึงจุดที่ศาลสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ หรือแม้แต่เปิดช่องว่างความชอบธรรมใด ๆ ก็อาจกลายเป็น “ชนวนโค่นรัฐบาล” ได้ในท้ายที่สุด

ในยามที่เกมในศาล ศึกในสภา และกระแสบนถนน เริ่มเคลื่อนไหวพร้อมกันแบบนี้ การเขย่าเก้าอี้ “แพทองธาร” จึงอาจไม่ใช่แค่ข่าวลือ แต่คือจุดเปลี่ยนที่อาจสั่นคลอนอนาคตรัฐบาลทั้งคณะ.


 

ข่าวล่าสุด

"ทรัมป์"ลั่นพร้อมสั่งไทย–กัมพูชาหยุดยิง หลังศึกชายแดนปะทุอีก