“แพทองธาร” ย้ำ ครม. เตรียมรับมือผลกระทบสถานการณ์ระหว่างประเทศ
“แพทองธาร” กำชับ ครม. ทำงานใกล้ชิดประชาชน สั่งเตรียมมาตรการรับมือผลกระทบจากสถานการณ์ระหว่างประเทศ หวังสร้างเสถียรภาพและความมั่นใจ
นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงสถานการณ์ระหว่างประเทศที่ส่งผลกระทบในหลายมิติ พร้อมเน้นย้ำให้รัฐมนตรีทุกคนปฏิบัติหน้าที่ใกล้ชิดประชาชน เพื่อเสริมสร้างความเชื่อมั่นต่อรัฐบาล และลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับประเทศ
รับมือผลกระทบจากสถานการณ์ระหว่างประเทศ
นายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่า ความขัดแย้งระหว่างอิหร่านและอิสราเอลที่ยืดเยื้อและไม่อาจคาดการณ์ได้ว่าจะยุติเมื่อใด ได้สร้างแรงกระเพื่อมต่อเศรษฐกิจโลก การเมืองระหว่างประเทศ รวมถึงการดำเนินนโยบายภาษีตอบโต้ของสหรัฐอเมริกา (Reciprocal Tariffs) ที่ส่งผลต่อกระบวนการเจรจาการค้า ซึ่งไทยได้ดำเนินการเจรจารอบแรกกับคณะทำงานของ USTR แล้ว
เพื่อเตรียมความพร้อมรับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อราคาพลังงาน การเงิน การขนส่ง การท่องเที่ยว และชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้ทุกกระทรวงติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมเร่งดำเนินการวางมาตรการรองรับอย่างเป็นรูปธรรม
ประเด็นเร่งด่วนที่รัฐบาลให้ความสำคัญ
1. ความมั่นคงและอาชญากรรมข้ามชาติ
จากรายงานของ UNODC เกี่ยวกับปัญหาพื้นที่ชายแดนไทย–กัมพูชา รัฐบาลได้กำชับให้หน่วยงานต่าง ๆ บูรณาการการทำงานอย่างใกล้ชิด โดยย้ำว่าการดำเนินนโยบายเปิด–ปิดด่านต้องยึดผลประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก ไม่ใช่เครื่องมือทางการเมือง ทั้งนี้ ได้สั่งการให้ช่วยเหลือประชาชนชายแดนในประเด็นราคาสินค้าเกษตรและปากท้องร่วมกับภาคเอกชน
2. ความมั่นคงด้านพลังงาน
กระทรวงพลังงานได้รับมอบหมายให้เตรียมมาตรการสำรองพลังงาน พร้อมแนวทางช่วยเหลือประชาชนในกรณีที่เกิดภาวะขาดแคลนหรือราคาพลังงานผันผวน
3. เศรษฐกิจการเงินและปัญหาหนี้สินประชาชน
กระทรวงการคลังต้องกำหนดมาตรการชัดเจนเพื่อช่วยเหลือภาคประชาชนและธุรกิจในทุกระดับ โดยเฉพาะการกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับฐานราก
4. ราคาพืชผลการเกษตร
มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตรฯ เร่งดำเนินมาตรการแก้ไขปัญหาราคาข้าวตกต่ำ และสั่งเร่งรัดสรุปมาตรการเยียวยาเกษตรกร รวมถึงควบคุมการลักลอบนำเข้าสินค้าจากประเทศเพื่อนบ้านที่ส่งผลกระทบต่อราคาตลาดในประเทศ
5. ยาเสพติด
กระทรวงกลาโหมต้องดำเนินการร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดและเจ้าหน้าที่ตำรวจในการขับเคลื่อนมาตรการ “Seal Stop Safe” ให้เป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น และขยายผลให้ครอบคลุม
6. การท่องเที่ยว
กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬาได้รับคำสั่งให้เร่งกระตุ้นการท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ ควบคู่กับการเพิ่มความปลอดภัยสำหรับนักท่องเที่ยว
7. ค่าแรงขั้นต่ำ
กระทรวงแรงงานได้รับมอบหมายให้เร่งนำเสนอมาตรการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ เพื่อให้ทันต่อแผนการปรับค่าจ้างภายในเดือนกรกฎาคม 2568 นี้
ย้ำเสถียรภาพรัฐบาลและความสามัคคีภายในประเทศ
นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำว่า ท่ามกลางสถานการณ์ที่ผันผวน เสถียรภาพของรัฐบาลเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง รัฐบาลจะเดินหน้าแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง และขอให้ประชาชนร่วมมือกันรักษาความสามัคคี เพื่อให้ประเทศสามารถก้าวผ่านวิกฤติในครั้งนี้ได้อย่างมั่นคง


