เปิดสมการทางรอด รัฐบาลนายกฯแพทองธาร เป้าหมาย270เสียง

การปรับคณะรัฐมนตรีครั้งใหญ่ที่อาจเกิดขึ้น นับเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของรัฐบาล “แพทองธาร 1” ซึ่งไม่เพียงแต่ส่งผลต่อเสถียรภาพภายในพรรคร่วมรัฐบาล

แต่ยังสะเทือนถึงแนวทางการขับเคลื่อนนโยบายหลักในช่วงเวลาวิกฤต ความสามารถในการรักษาเสียงข้างมากในสภาฯ จึงกลายเป็นโจทย์สำคัญที่นายกรัฐมนตรีต้องพิสูจน์

ความท้าทายหลัก: การรักษาเสียงข้างมาก หาก "ภูมิใจไทย" ถอนตัว

ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบัน รัฐบาลมีเสียงสนับสนุน 324 เสียง เทียบกับฝ่ายค้าน 171 เสียง จากจำนวน ส.ส. ทั้งหมด 495 คน ซึ่งหากพรรคภูมิใจไทยถอนตัวพร้อม ส.ส. 69 คน รัฐบาลจะเหลือเพียง 255 เสียง ซึ่งสูงกว่าเสียงข้างมากที่ต้องการ (248 เสียง) เพียง 7 คน ถือเป็นความเปราะบางอย่างยิ่ง

ฝ่ายค้านจะเพิ่มเป็น 240 เสียง และการทำงานในสภาอาจเผชิญกับแรงเสียดทานตลอดเวลา

กลยุทธ์เพื่อความอยู่รอด: ดันเสียงให้ถึง 270

รัฐบาลจึงต้องหาเสียงเพิ่มอย่างน้อย 15 เสียง เพื่อให้มีเสถียรภาพมากขึ้น โดยแผนที่กำลังดำเนินการประกอบด้วย 

เสริมแนวร่วมพรรครวมไทยสร้างชาติ (36 เสียง)

มีรายงานว่ารัฐบาลอาจเสนอเก้าอี้รัฐมนตรีเพิ่ม เพื่อรักษาแนวร่วมให้เหนียวแน่น โดยเฉพาะการมอบตำแหน่งสำคัญให้หัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรค

ดึงสส.ฝ่ายค้าน:

พรรคไทยสร้างไทย มีแนวโน้มว่า ส.ส. 3-5 คนจะย้ายข้างมาร่วมรัฐบาล
พรรคพลังประชารัฐ กลุ่มที่นำโดยนายสันติ พร้อมพงษ์ มี ส.ส. ราว 8 คน
ซึ่งอาจเข้าร่วม หากได้รับข้อเสนอทางการเมืองที่เหมาะสม

โอกาสจากการปรับครม.: เก้าอี้ว่าง 8 ตำแหน่ง

หากภูมิใจไทยถอนตัว ตำแหน่งรัฐมนตรีที่ว่างลงจะเป็นหมากสำคัญในการเจรจา ประกอบด้วย

• รัฐมนตรีว่าการ: มหาดไทย / ศึกษาธิการ / แรงงาน / การอุดมศึกษา
• รัฐมนตรีช่วยว่าการ: พาณิชย์ / ศึกษาธิการ / มหาดไทย (2 ตำแหน่ง)

พรรคเพื่อไทยวางตัว “นายประเสริฐ จันทรรวงทอง” ไว้เป็นรัฐมนตรีมหาดไทย ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์อาจได้เก้าอี้รัฐมนตรีช่วยมหาดไทย 1 ตำแหน่ง โดยมี “นายเดชอิศม์ ขาวทอง” เป็นแคนดิเดต เพื่อสะสางปมที่ดินและข้อพิพาทระดับพื้นที่

จุดเปราะบาง: ปมขัดแย้งระหว่างเพื่อไทย-ภูมิใจไทย

การแยกทางระหว่างสองพรรคอาจจุดประเด็นละเอียดอ่อนที่อาจถูกขยายผลในอนาคต เช่น

• ข้อกล่าวหาเรื่อง บุกรุกพื้นที่เขาใหญ่เพื่อสร้างสนามบิน
• การออกกฎหมายเกี่ยวกับ สถานบันเทิงครบวงจร

นายกรัฐมนตรีแพทองธารกำลังเผชิญบททดสอบทางการเมืองที่ยิ่งใหญ่ที่สุด นับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่ง การรักษาสมดุลในพรรคร่วมรัฐบาล
การจัดสรรอำนาจใหม่ และการตัดสินใจปรับครม. อย่างเฉียบขาด อาจเป็นตัวแปรชี้ชะตารัฐบาลในระยะยาว ไม่เพียงเพื่อความอยู่รอดทางเสียง
แต่ยังรวมถึงภาพลักษณ์ ความเชื่อมั่น และเส้นทางนโยบายในอนาคตของรัฐบาล “แพทองธาร 1” ทั้งหมดนี้ คือเกมการเมืองที่ต้องเดินอย่างระมัดระวังทุกก้าว.

ที่มาประกอบเนื้อหา เนชั่นอินไซต์