posttoday

แพทองธารถึงทางแยก ปมคลิปเสียงสนทนาฮุนเซน "ลาออก" หรือ “ยุบสภา”

19 มิถุนายน 2568

คลิปเสียงสนทนาฮุนเซน เขย่ารัฐบาลแพทองธาร เสียงต้านพุ่งไม่หยุด ทางเลือกทางการเมืองมีเพียงสอง: ลาออกเพื่ออยู่ หรือยุบสภาเพื่อล้างไพ่

สถานการณ์ทางการเมืองของรัฐบาล “แพทองธาร 1” เข้าสู่จุดเปราะบางอย่างยิ่ง หลังจากปรากฏคลิปเสียงหลุดการสนทนาระหว่าง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับ สมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ซึ่งกลายเป็นชนวนวิพากษ์วิจารณ์ทั้งภายในและภายนอกสภา

แม้ตัวนายกรัฐมนตรีจะออกมาแถลงยอมรับว่า “เสียงเป็นของจริง” แต่ยืนยันว่าเนื้อหาถูกตัดต่อ บิดเบือนเจตนา และปฏิเสธว่าไม่มีความขัดแย้งกับกองทัพ ทว่าคลื่นความคลางแคลงกลับไม่ลดลง มีแต่ทวีความรุนแรงในหมู่ฝ่ายค้าน สื่อ และสังคมออนไลน์

จึงเกิดคำถามใหญ่ขึ้นในสังคมว่า ทางออกของสถานการณ์นี้ควรจะเป็น “การลาออก” เพื่อแสดงความรับผิดชอบเฉพาะตัว หรือ “การยุบสภา” เพื่อรีเซ็ตอำนาจคืนประชาชนอย่างเบ็ดเสร็จ
 

สองทางแยกการเมือง

1.ลาออก เพื่อรักษาเกมในมือ

หากมองผ่านเลนส์ทางการเมือง การลาออกของนายกรัฐมนตรีในภาวะที่พรรคเพื่อไทยยังคุมเสียงข้างมากในสภา ถือเป็นการ “เสียตัวบุคคลเพื่อรักษาสถานะรัฐบาล” กล่าวคือ พรรคสามารถเสนอชื่อบุคคลอื่นขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีแทนได้โดยไม่จำเป็นต้องเสียอำนาจบริหารทั้งชุด

ในมุมนี้ ถือเป็นการ “ลดแรงต้าน” โดยไม่ต้องสูญเสียอำนาจไปถึงขั้นยุบสภา ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อความต่อเนื่องของนโยบายเศรษฐกิจที่กำลังเดินหน้า เช่น งบประมาณปี 2569 การส่งเสริม SME และแผนเจรจาการค้า FTA กับต่างประเทศ

หาก น.ส. แพทองธารตัดสินใจลาออก ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 159 การเสนอชื่อบุคคลที่จะมาเป็นนายกฯ คนต่อไป จะมีหลักเกณฑ์สำคัญ พรรคการเมืองต้องมี ส.ส. อย่างน้อย 25% ของทั้งหมดในสภา (ประมาณ 125 เสียง) จึงจะเสนอชื่อ ‘แคนดิเดต’ ได้ และต้องมี ส.ส. รับรองไม่น้อยกว่า 1 ใน 10 หรือประมาณ 50 คน 

สำหรับรายชื่อผู้ที่เคยถูกเสนอเป็น ‘แคนดิเดต’ ในช่วงเปิดสภาใหม่ ซึ่งมีทั้งหมด 6 คน มีเพียง 4 คนเท่านั้นที่ยังมีคุณสมบัติเพียงพอ ประกอบด้วย นายชัยเกษม นิติสิริ จากพรรคเพื่อไทย นายอนุทิน ชาญวีรกุล จากพรรคภูมิใจไทย นายพีรพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค จากพรรครวมไทยสร้างชาติ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา (อดีตนายกรัฐมนตรี)

ขณะที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ จากพรรคประชาธิปัตย์ ถูกตัดสิทธิ์จากเงื่อนไขเพราะพรรคตนมี ส.ส. ไม่ถึงเกณฑ์ที่กำหนด

2. ยุบสภา รีเซ็ตใหม่หมด เล่นเกมรุก

อีกทางหนึ่ง การยุบสภาแม้ดูเหมือนเป็นการ “เสี่ยง” แต่ก็มีโอกาส “กลับเกม” ได้เช่นกัน โดยเฉพาะหากพรรคเพื่อไทยมั่นใจในฐานเสียงของตัวเอง และเชื่อว่าสามารถสร้างความเห็นใจจากประชาชนในฐานะผู้ถูกรุมเร้า ยิ่งหากสื่อสารว่า “ยุบสภาเพื่อคืนอำนาจให้ประชาชนตัดสินใจ” ก็อาจพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสในทางประชาธิปไตย อย่างไรก็ตาม ต้นทุนทางเวลา ทรัพยากร และความไม่แน่นอนหลังการเลือกตั้ง อาจกลายเป็นดาบสองคมหากคะแนนนิยมที่แท้จริงของพรรคเพื่อไทยกำลังตกต่ำ หรือเกิดปรากฏการณ์ “แลนด์สไลด์ถอยหลัง”

ทางเลือกที่ดีกว่าในสถานการณ์นี้

จากข้อมูลเบื้องต้นและดัชนีความนิยมในระดับฐานเสียงเดิมของพรรคเพื่อไทย ยังไม่ปรากฏสัญญาณแตกหักรุนแรงถึงขั้นเสื่อมศรัทธาทั้งหมด ขณะเดียวกัน รัฐธรรมนูญ 2560 ยังวางกลไกให้เปลี่ยนนายกฯได้โดยไม่กระทบรัฐบาลรวม ดังนั้น ทางออกที่เป็น “มิตรต่อเสถียรภาพ” มากที่สุดในเวลานี้ คือ การลาออกของนายกฯแพทองธาร เพื่อเปิดทางให้พรรคเสนอชื่อผู้ที่เหมาะสมคนใหม่ ขณะยังคุมเสียงในสภา โดยเฉพาะถ้าคนใหม่ได้รับการยอมรับจากกองทัพ ภาคธุรกิจ และสาธารณชน อาจช่วยฟื้นฟูศรัทธาได้ดีกว่า

กรณีคลิปเสียงหลุดครั้งนี้ไม่ได้สะท้อนแค่เรื่องความผิดพลาดในการสื่อสารต่างประเทศ แต่ยังเป็น “สัญญาณเตือน” ถึงความเปราะบางในเชิงยุทธศาสตร์ของรัฐบาล ที่ต้องเร่งฟื้นฟูศรัทธาและความเชื่อมั่นต่อบทบาทผู้นำ หากไม่ปรับจังหวะ อาจนำไปสู่จุดเปลี่ยนที่ใหญ่กว่าคลิปเสียง และแม้เสียงจะหลุดจากลำโพงของอีกฟากแดน แต่แรงสะเทือนสะท้อนกลับมายังทำเนียบรัฐบาล...ดังเกินกว่าคำแก้ตัวธรรมดาจะรับมือได้


 

ข่าวล่าสุด

ถ่ายทอดสด เบรนท์ฟอร์ด พบ ลีดส์ ยูไนเต็ด พรีเมียร์ลีก วันนี้ 14 ธ.ค.68