แพทองธารรับคลิปเสียงคุยฮุนเซนของจริงปัดอยู่คนละข้างกับกองทัพ

เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2568 น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงข่าวด่วน ยอมรับว่า คลิปเสียงที่หลุดออกมาเป็นการสนทนาระหว่างเธอกับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา โดยยืนยันว่าเป็นการพูดคุยจริง ความยาว 17 นาที 6 วินาที จุดประสงค์หลักคือการหารืออย่างไม่เป็นทางการเพื่อหาทางลดความตึงเครียดในพื้นที่ชายแดนไทย–กัมพูชา และสร้างความเข้าใจที่ดีระหว่างสองประเทศ

นายกฯ ระบุว่า การพูดคุยครั้งนี้มีความตั้งใจที่จะสื่อสารในฐานะผู้นำรัฐบาล เพื่อหาทางออกอย่างสันติและไม่ให้สถานการณ์ลุกลาม โดยไม่เกี่ยวข้องกับการเมืองภายใน พร้อมยืนยันว่าไม่มีความขัดแย้งใดกับกองทัพไทย และรัฐบาลยังรักษาจุดยืนเรื่องอธิปไตยอย่างมั่นคง

"เรื่องคลิปเสียง นายก รับคุย ฮุนเซนจริง เป็นเทคนิคการพูดเพื่อหวังให้บ้านเมืองสงบสุบ การคุยเป็นแบบส่วนตัว  ไม่ควรเปิดเผย แต่วันนี้ชัดเจนแล้วว่า ท่านต้องการคะแนนนิยมในประเทศ จึงอัดคลิปแล้วมาปล่อยแบบนี้ จากนี้ไม่คุยส่วนตัวเพราะมีปัญหาเรื่องการไว้ใจ ไม่อยากให้คนไทยหลงกล เกิดการยั่วยุในประเทศ" น.ส.แพทองธาร กล่าว 

สำหรับกรณีที่คลิปเสียงบางช่วงถูกนำมาเผยแพร่เพียงบางส่วน นายกรัฐมนตรีสั่งการให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยด่วน โดยเน้นว่าหากพบการกระทำผิดใด ๆ ที่กระทบต่อความมั่นคงหรือความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ จะต้องดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด พร้อมขอให้สื่อและสาธารณชนระมัดระวังในการนำเสนอข้อมูล เพื่อไม่ให้กระทบผลประโยชน์ของชาติ

ด้านสมเด็จฮุน เซน โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่าการสนทนาเมื่อวันที่ 15 มิถุนายนที่ผ่านมาเป็นการพูดคุยผ่านโทรศัพท์กับนายกรัฐมนตรีไทยโดยมีล่ามร่วมสาย และมีการบันทึกเสียงไว้ทั้งหมดเพื่อความโปร่งใส ป้องกันการบิดเบือนข้อเท็จจริง ตลอดจนใช้เพื่อวัตถุประสงค์ภายในกัมพูชา

ฮุน เซน เปิดเผยว่า ได้แจกจ่ายไฟล์เสียงดังกล่าวให้แก่บุคคลประมาณ 80 คนในกลุ่มผู้นำระดับสูงของกัมพูชา รวมถึงสมาชิกวุฒิสภา พรรคการเมือง หน่วยงานด้านกิจการต่างประเทศ กองทัพ และทีมชายแดน พร้อมระบุว่า หลังจากการสนทนา ฝ่ายไทยได้แสดงท่าทีไม่พอใจและกล่าวหาผู้นำกัมพูชาอย่างเปิดเผยว่า “ไม่เป็นมืออาชีพ”

ฮุน เซน ยังกล่าวด้วยว่า ไฟล์เสียงที่เผยแพร่ต่อสาธารณะมีความยาวเพียงประมาณ 9 นาทีเท่านั้น และหากฝ่ายไทยต้องการรับฟังคลิปเสียงฉบับเต็ม ความยาว 17 นาที 6 วินาที เขาพร้อมเปิดเผยต่อสาธารณชนในทันที โดยย้ำว่าความโปร่งใสคือสิ่งจำเป็นในการรักษาความเข้าใจระหว่างประเทศท่ามกลางประเด็นเขตแดนที่ยังไม่มีข้อยุติ.